
แพร่ประกาศสำนักงาน ปปง.ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนทรัพย์คดี ‘จุฬาลักษณ์ สืบแสง’ ลูกจ้างสาว กับพวก ลูกจ้างลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมตั๋วจำนำ บ.ร้านทองดัง 217 ครั้ง เสียหาย 22.2 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาวันที่ 31 มกราคม 2567 เผยแพรประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ราย นางสาวจุฬาลักษณ์ สืบแสง กับพวก ในความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตามประมวลกฎหมายอาญา อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยนางสาวจุฬาลักษณ์ สืบแสง นางสาวอาทิตยา ศรีนาคา และ นางสาวกาญจนา ศรีสิงห์ ลูกจ้างทำหน้าที่เป็นเสมียนประจำบริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ร่วมกันปลอมตั๋วจำนำ (ตั๋วสัญญาขายฝาก) โดยกรอกข้อความว่า มีผู้นำทองรูปพรรณ มาจำนำที่ร้าน แต่ข้อเท็จจริงไม่มีผู้ใดนำทองรูปพรรณมาจำนำ จากนั้นได้นำเงินตามยอดที่แจ้งเท็จว่ามีผู้นำ ทองรูปพรรณมาจำนำ ซึ่งเป็นเงินของบริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ไปเป็นของตนเองกับพวก รวม 217 ครั้ง ทำให้บริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ได้รับความเสียหาย เป็นเงินทั้งสิ้น 22,246,500 บาท มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ประธานกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่ง ที่ ย.19/2568 ลงวันที่ 20 มกราคม 2568 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนด ไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติในความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตามประมวลกฎหมายอาญา อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 คดีราย นางสาวจุฬาลักษณ์ สืบแสง กับพวก กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 นางพิมพาพรรณ จรูญเวชกรรม ผู้เสียหายได้มอบหมายให้นางสาวเมธินี ตั้งสัจจะกุล ลูกจ้างทำหน้าที่ เป็นเสมียนประจำร้านทองเทียนชุนเส็งไปตรวจสอบความเรียบร้อยที่บริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ต่อมาได้รับแจ้งข้อมูลจากนางสาวเมธินี ตั้งสัจจะกุล ว่า ตรวจสอบพบยอดการจำนำทองรูปพรรณ ในสมุดบันทึกคุมเงินของเสมียนลูกจ้าง ไม่ตรงกับจำนวนทองรูปพรรณที่ลูกค้านำมาจำนำไว้ และมีการ ลงบันทึกรายการลูกค้ามาไถ่ถอนทองรูปพรรณที่นำมาจำนำ แต่ไม่มีตั๋วจำนำฉบับจริงมาไถ่ถอน ลักษณะ เป็นการขีดรายการที่บันทึกในสมุดคุมเงินออกโดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งยอดเงินที่ลูกค้านำทองรูปพรรณมาจำนำมีทั้งสิ้น 31,191,800 บาท แต่ทองรูปพรรณที่อยู่ในตู้เซฟมีราคายอดเงินที่รับจำนำทองรูปพรรณจริง รวมกันเพียง 8,945,300 บาท ทำให้บริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ได้รับความเสียหาย เป็นเงินทั้งสิ้น 22,246,500 บาท โดยนางสาวจุฬาลักษณ์ สืบแสง นางสาวอาทิตยา ศรีนาคา และ นางสาวกาญจนา ศรีสิงห์ ลูกจ้างทำหน้าที่เป็นเสมียนประจำบริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ยอมรับว่าร่วมกันปลอมตั๋วจำนำ (ตั๋วสัญญาขายฝาก) โดยกรอกข้อความว่า มีผู้นำทองรูปพรรณ มาจำนำที่ร้าน แต่ข้อเท็จจริงไม่มีผู้ใดนำทองรูปพรรณมาจำนำ จากนั้นได้นำเงินตามยอดที่แจ้งเท็จว่ามีผู้นำ ทองรูปพรรณมาจำนำ ซึ่งเป็นเงินของบริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ไปเป็นของตนเองกับพวก รวม 217 ครั้ง โดยเริ่มทำการทุจริตมาตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ทำให้บริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด ได้รับความเสียหายจริง นางพิมพาพรรณ จรูญเวชกรรม กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท ห้างทองเศรษฐีทองเยาวราช จำกัด เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีแก่นางสาวจุฬาลักษณ์ สืบแสง กับพวก ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานี ตำรวจภูธรสวนพริกไทยตามคดีอาญาที่ 163/2566 มีความเห็นควรสั่งฟ้องนางสาวจุฬาลักษณ์ สืบแสง นางสาวอาทิตยา ศรีนาคา และนางสาวกาญจนา ศรีสิงห์ ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง ปลอมและใช้เอกสารปลอม พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดปทุมธานี ตามหนังสือที่ ตช 0016.56/1856 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการจังหวัดปทุมธานี อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 49/1 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2565 และข้อ 3 แห่งกฎกระทรวงการคืนหรือการชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ. 2567 จึงขอให้บุคคลผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำความผิดมูลฐานในรายคดีดังกล่าวและไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น ยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ภายใน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ รายละเอียด การยื่นคำร้องปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ดูประกาศในลิงก์ https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/58259.pdf


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา