ปปง.ตามอายัด 26 บัญชีเงินฝาก ร.ต.วิสุทธิ์ จันทร์เกษม ผจก.สหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พวก ปลอมลายมือชื่อนาย-สมาชิก 39 ราย กู้ยืม 57 สัญญา เสียหาย 172.3 ล้าน ตามสืบทรัพย์ได้แค่ 171,975 บาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 240 /2567 วันที่ 16 ธ.ค.2567 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ราย ร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิและการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม ผู้จัดการฯได้ปลอมลายมือชื่อของสมาชิกในสัญญากู้ และนำไปยื่นกู้เงินกับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ได้รับความเสียหาย ประมาณ 172,397,100.18 บาท ทรัพย์สินที่อายัด ได้แก่ เงินในบัญชีเงินฝากในชื่อ ร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก รวม 26 บัญชีเป็นเงิน 171,975.51 บาท
@เปิดรายละเอียดคำสั่งอายัดทรัพย์
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม อายัดทรัพย์สิน ร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตามหนังสือ ลับ ที่ กษ 1115/1001 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบเส้นทางการเงิน รายร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิและการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
@ปลอมลายมือชื่อผู้บังคับบัญชา-แอบอ้างใช้ชื่อสมาชิกคนอื่น ปลอมเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 พันเอกกานต์ โคตรสันเทียะ ผู้อำนวยการกองกลาง กองบัญชาการ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตรวจสอบ พบว่ากำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชาหลายรายมีเงินเดือนเหลือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงเรียกกำลังพลดังกล่าวมาสอบถามทราบว่า ร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ขอยืมใช้สิทธิในการกู้ยืมเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด จากการไปตรวจสอบพบว่า มีการปลอมแปลงลายมือชื่อของผู้บังคับบัญชา และมีการแอบอ้างใช้ชื่อสมาชิกคนอื่นและมีการปลอมแปลงเอกสารสัญญากู้ยืมเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด จึงแจ้งให้สมาชิกตรวจสอบยอดเงินกู้กับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด พบว่ามีการปลอมเอกสารสัญญาเงินกู้และเอกสารอื่น ๆ เช่น ปลอมลายมือชื่อของสมาชิกผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกัน หรือปลอมสัญญากู้ยืมเงินประเภทเงินกู้สามัญและเงินกู้ฉุกเฉินพิเศษ หรือมียอดเงินกู้ของสมาชิกสูงกว่าจำนวนเงินกู้ที่สมาชิกกู้จริง จึงได้ประสานกับสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 เพื่อทำการตรวจสอบ
@ปลอมกู้ 39 ราย 57 สัญญา 172.3 ล้าน
ต่อมาสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ได้มีคำสั่งตั้งคณะผู้ตรวจการสหกรณ์เป็นการเฉพาะกิจเพื่อให้ร่วมกันตรวจการสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด พบว่าสมาชิกสหกรณ์ปฏิเสธการเป็นหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด และให้ถ้อยคำเป็นหนังสือต่อผู้ตรวจการสหกรณ์ว่าไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้และจำนวนเงินกู้สามัญและเงินกู้ฉุกเฉินพิเศษ ที่ปรากฏตามยอดคงเหลือตามบัญชีของสหกรณ์ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง คือ สูงกว่าจำนวนที่สมาชิกกู้จริง รวม 39 ราย 57 สัญญา รวมเป็นเงินจำนวน 172,397,100.18 บาท ซึ่งสมาชิกสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ที่ถูกปลอมสัญญาเงินกู้สามัญและเงินกู้ฉุกเฉินพิเศษ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (กก.1 บก.ป.) ไว้ส่วนหนึ่งแล้ว โดยสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ที่ประสงค์ขอกู้ยืมเงินจะได้รับการแนะนำจากร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม ซึ่งเป็นกรรมการและผู้จัดการของสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด และนายยอดยิ่ง เภาอ่อน อดีตกรรมการของสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ในการยื่นเอกสารคำร้องขอกู้ยืมเงินโดยบุคคลทั้งสองจะให้สมาชิกสหกรณ์กรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มขอกู้ยืมเงิน แต่ได้เว้นช่องว่างสำหรับกรอกยอดเงินที่ประสงค์จะกู้ยืมไว้พร้อมให้แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินประกอบ และในบางรายร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม และนายยอดยิ่ง เภาอ่อน ร้องขอยืมสิทธิกู้ยืมเงินและมอบเงิน เป็นสินน้ำใจให้ โดยร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม และนายยอดยิ่ง เภาอ่อน จะเอาเงินส่วนต่างที่เกินจากจำนวนเงินที่สมาชิกกู้ตามสัญญาเงินกู้ที่ปลอมไปโดยทุจริต
@จ้างสิบเอกหาสมาชิก
ส่วนสิบเอกมนัส หินอ่อน ทำหน้าที่รับจ้างจากร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม และนายยอดยิ่ง เภาอ่อน จัดหาสมาชิกมาเพื่อขอใช้สิทธิในการกู้ยืมเงิน โดยร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม และนายยอดยิ่ง เภาอ่อน ทำการปลอมเอกสารในการกู้ยืมกับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด เมื่อได้รับเงินจากการใช้เอกสารปลอมกู้ยืมเงินจากสหกรณ์ จะให้ค่าจ้างแก่สิบเอกมนัส หินอ่อน
การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้สหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ได้รับความเสียหาย จึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาเลขที่ 28/2566 อันเข้าลักษณะ เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
@ตรวจทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิด 26 รายการ
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.229/2567 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จำกัด มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่า บุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 26 รายการ พร้อมดอกผลและเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และสลากดิจิทัล อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. จํากัด ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
@อายัด 90 วัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 15/2567 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่องการตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 26 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนด ไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2568 โดยมีรายการทรัพย์สินที่อายัดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ในกรณีผู้ซึ่งถูกอายัดทรัพย์สินตามคำสั่งนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าวประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกอายัดดังกล่าวนั้นมิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ
อนึ่ง การยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดิน อาจมีความผิดทางอาญาและต้องระวางโทษตามนัยมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
สั่ง ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า วันที่ 26 ธันวาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน รายคดี ร้อยตรีวิสุทธิ์ จันทร์เกษม กับพวก ก่อนแล้ว
ข่าวเกี่ยวข้อง : ข่าวเกี่ยวข้อง:ให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้คืน! คดี ผจก.สหกรณ์ออมทรัพย์ สปท. ทุจริต 172.3 ล.