
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี-รมว.คมนาคม ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ยกคณะบอร์ดการท่าเรือฯ ร่วมลงนามแสดงเจตจำนงร่วมมือระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ยกระดับเป็นศูนย์กลางการขนส่ง - พลิกโฉม ท่าเรือไทย เป็น Luxury tourism
สำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org.) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานสักขีพยานลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ร่วมมือระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมถึงกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ร่วมพิธีลงนามและสักขีพยานฝ่ายไทย
ขณะที่ผู้ลงนามและสักขีพยานฝ่ายญี่ปุ่น ประกอบด้วย นายยาสุฮิโระ ชิมโบ (Mr. Yasuhiro SHIMBO) ผู้อำนวยการ สำนักงานการท่าเรือและเมืองท่าแห่งเมืองโยโกฮามา (Director General of Port and Harbor Bureau, City of Yokohama) นายฮิซาทากะ อุเอะมัสสึ (Mr. Hisataka UEMATSU) ประธานบริษัทโยโกฮาม่า พอร์ท คอร์ปอเรชั่น (Presiden, Yokohama Port Corporation) นายชินยะ ฮิโตมิ (Mr. Shinya HITOMl) ประธานและซีอีโอ บริษัทโยโกฮาม่า คาวาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น (President and CEO, Yokohama Kawasaki International Port Corporation)
นายสุริยะกล่าวว่า เป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเมืองโยโกฮามาในวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายที่สั่งสมมายาวนาน
นายสุริยะกล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาในด้านการขนส่งและการบริหารจัดการท่าเรือ ที่ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการส่งเสริมการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำ ซึ่งมีต้นทุนการขนส่งที่ถูกที่สุด ให้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและยั่งยืน แต่ยังช่วยสร้างประโยชน์ต่อภูมิภาคโดยรวม
นายสุริยะกล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นนับเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 3 ของประเทศไทย และท่าเรือโยโกฮามาก็มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในฐานะศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารพื้นที่หลังท่าที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนรอบพื้นที่ท่าเรือ
@ ชู แหลมฉบัง เฟสสาม-ท่าเรือคลองเตย-ท่าเรือทางบก
นายสุริยะกล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งนี้ โครงการสำคัญที่การท่าเรือฯ กำลังดำเนินการ ได้แก่
- โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3
- การพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพและให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การพัฒนาท่าเรือบก (DRY PORT) เชื่อมโยงกับท่าเรือด้วยรถไฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและสนับสนุนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน
นายสุริยะกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการขนส่งในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม พร้อมสนับสนุนและผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งระดับภูมิภาค และร่วมสร้างอนาคตที่ดีของทั้งสองประเทศไปพร้อมกัน
“ขอยืนยันว่าประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมความร่วมมือดังกล่าวให้ก้าวล้ำอีกขั้นต่อไป และพร้อมที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าในอุตสาหกรรมท่าเรือ ตลอดจนยกระดับเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”นายสุริยะกล่าว

@ ตอกย้ำความร่วมมือ 10 ปี การท่าเรือไทย-โยโกฮามา
นายชยธรรม์กล่าวว่า ในนามของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างการท่าเรือฯ และเมืองโยโกฮามา พร้อมทั้งร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันยาวนานและการดำเนินความร่วมมืออันดียิ่งระหว่างสองประเทศ เพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงความสำเร็จที่ได้ร่วมกันสร้างในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และร่วมแสดงเจตจำนงที่จะพัฒนาความร่วมมือให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต
นายชยธรรม์กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลของโลก โดยท่าเรือประเทศญี่ปุ่นได้รับการจัดอันดับตามดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพของท่าเรือตู้สินค้า (Container Port Performance Index: CPPI) อยู่ในอันดับที่ 9 ของโลก ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของท่าเรือที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นที่ยอมรับ และเมืองโยโกฮามานั้นมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและพัฒนาท่าเรือโยโกฮามาในทุกมิติ ทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการยกระดับการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความรวดเร็ว และความแม่นยำ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาท่าเรือให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายชยธรรม์กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย การท่าเรือฯ รับผิดชอบการบริหารจัดการและกำกับดูแลท่าเรือหลัก 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงท่าเรือภูมิภาค 3 แห่ง คือ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ท่าเรือเชียงของ และท่าเรือระนอง โดยการท่าเรือฯ มีสัดส่วนการขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าเรือคิดเป็นร้อยละ 85.46 ของปริมาณตู้สินค้าทั้งประเทศ นอกจากนี้ ท่าเรือแหลมฉบังยังได้รับการจัดอันดับเป็นท่าเรือที่มีปริมาณการขนส่งตู้สินค้ามากที่สุดในอันดับที่ 16 ของโลก
@ พลิกโฉมท่าเรือไทย Luxury tourism
นายชยธรรม์กล่าวว่า โดยการท่าเรือฯ มีนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งทางน้ำให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพเพื่อเพิ่มประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการจัดการด้านจราจร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาท่าเรือและการให้บริการโลจิสติกส์ที่มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายชยธรรม์กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการพัฒนาอุตสาหกรรมท่าเรือระหว่างสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นโอกาสที่ดีในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“รวมถึงการขยายภารกิจนอกเหนือจากการขนส่งสินค้าไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง ผ่าน Luxury tourism ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและวางแผนโครงการพัฒนาที่สำคัญ เพื่อยกระดับการบริการท่าเรือและการขนส่งทางทะเลของทั้งสองประเทศ”นายชยธรรม์กล่าว
นายชยธรรม์กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ขอแสดงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือในครั้งนี้ให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนความร่วมมือด้านวิชาการเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่าเรือให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่หลังท่าให้มีประสิทธิภาพ สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อผลักดันให้ทั้งสองประเทศเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

@ เปิดรับเรือสำราญ-เร่งความเป็นกลางทางคาร์บอน ค.ศ.2050
ด้านนายยาสุฮิโระ ชิมโบ กล่าวว่า ท่าเรือโยโกฮามาเป็นท่าเรือที่มีการขนส่งสินค้าเป็นหลัก เราได้มีการพัฒนายกระดับความสามารถในการขนถ่ายเพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังได้มีการเปิดรองรับเรือสำราญเข้ามาเทียบท่า เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว รวมถึงการพัฒนาและเร่งรีบในการลงทุนเพื่อรองรับให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนได้จริงในปี ค.ศ.2050
นายฮิซาทากะ อุเอะมัสสึ กล่าวว่า บริษัทโยโกฮาม่า พอร์ท คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทภายใต้ความร่วมมือระหว่างเมืองระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเมืองโยโกฮาม่าที่เริ่มขึ้นในปี 2014 เราได้ทำงานร่วมกับสำนักงานท่าเรือโยโกฮามาและได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมโครงการท่าเรือสีเขียวที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำลังผลักดันอยู่ เรายังมีโอกาสเข้าร่วมการพิจารณาส่งเสริมผ่านการใช้ระบบรางและเทอมินัลเพื่อใช้ขนส่งเรือภายในประเทศ ที่แหลมฉบังอีกด้วย
นายฮิซาทากะ อุเอะมัสสึ กล่าวว่า เริ่มต้นด้วยโครงการ JCM ที่ท่าเรือกรุงเทพ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เราได้ทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาส่งเสริมการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งโดยการดำเนินการของสถานีขนส่งทางรถไฟ (SRTO) และสถานีขนส่งเฉพาะสำหรับการขนส่งภายในประเทศ (Coastal-A) จัดการกับอุตสาหกรรมการขนส่งทั่วโลกและท่าเรือต่างก็เผชิญกับความท้าทายที่เหมือนกัน ความร่วมมือนี้จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญเพิ่มมากขึ้น เราต้องการที่จะกระชับความร่วมมือและแบ่งปันความคิดริเริ่มต่างๆ ที่ใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (DX) เพื่อพัฒนาท่าเรือทั้งสองแห่งต่อไป
@ ศูนย์รวมคอนเทนเนอร์-สินค้าทั่วโลก
นายชินยะ ฮิโตมิกล่าวว่า บริษัทของเราก่อตั้งขึ้นตามนโยบายท่าเรือคอนเทนเนอร์แห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อบำรุงรักษาและขยายเส้นทางตู้สินค้าระยะไกลที่เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือของญี่ปุ่น ท่ามกลางความก้าวหน้าของเรือคอนเทนเนอร์ที่ขยายขนาดขึ้นและการปรับโครงสร้างใหม่ของกลุ่มพันธมิตร โดยดำเนินการท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์ในท่าเรือต่างๆ ของโยโกฮามาและคาวาซากิ
“นโยบายของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ต้องการที่จะรวมศูนย์ตู้คอนเทนเนอร์ ที่เป็นตู้ขนส่งสินค้าทั่วโลกให้มาใช้บริการในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เราจึงพยายามรวมศูนย์ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น แต่รวมถึงในต่างประเทศด้วย”นายชินยะ ฮิโตมิกล่าว

นายชินยะ ฮิโตมิกล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บริษัทบริษัทโยโกฮาม่า คาวาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย สร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น และขอแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทย การท่าเรือ และผู้เข้าร่วมอีกครั้งหนึ่ง เราขอความสนับสนุนและความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการพัฒนาท่าเรือโยโกฮามาและท่าเรือคาวาซากิ
อ่านข่าวประกอบที่เกี่ยวข้อง : ‘ปลัดฯคมนาคม’ จับมือ ‘กระทรวงการขนส่งฯ’ ญี่ปุ่น พัฒนาท่าเรือไทย สู่ ฮับภูมิภาค

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา