DSI แจงจับ ‘สามารถ’ อดีตรองโฆษก พปชร.พร้อมมารดา เหตุเพราะเจ้าตัวมีเอี่ยวคดีฟอกเงิน เผยพฤติการณ์พบบัญชีแม่ ‘สามารถ’ รับเงินฝากเข้าบัญชีร่วมร้อยล้าน รับเงินจากบอสพอลอีก 2.5 ล้าน บอสปีเตอร์อีก 5 แสน ขณะทั้งสองรายยังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะ 'บิ๊กเต่า' เผยบัญชี 'สามารถ' ส่อมีเอี่ยวเส้นเงินสีเทา คาดคดี 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' แอบอ้างชื่อ 'หนุ่ม กรรชัย' เรียกเงิน 20 ล.จากผู้เสียหายดิไอคอน คาดมีความชัดเจนสัปดาห์นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอจับกุมนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดาของนายสามารถ โดยการจับซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 25 พ.ย.นั้นเป็นกรณีสืบเนื่องจากที่ปรากฎคลิปเสียงนักการเมืองเรียกรับทรัพย์จาก บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่มี นายสามารถ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
ต่อมาในช่วงเวลา 14.00 น. ดีเอสไอได้มีการทำเอกสารข่าวแจกชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ระบุว่าตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบและโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายสามารถ (สงวนนามสกุล) และนางวิลาวัลย์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาร่วมกันและสมคบกันฟอกเงินอาญา กรณี ดิไอคอนกรุ๊ป
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีการกระทำความผิดการฟอกเงินทางอาญากรณีเกี่ยวกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษที่ 115/2567 ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ตามมติของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับ นายสามารถ (สงวนนามสกุล) นางวิลาวัลย์ (สงวนนามสกุล) และนายวรัตน์พล (สงวนนามสกุล) หรือบอสพอล ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
และในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำหมายค้นและหมายจับเข้าตรวจค้นที่บ้านพักของนายสามารถฯ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และบ้านพักของนางวิลาวัลย์ฯ ซึ่งเป็นมารดาของนายสามารถฯ ที่เขตราชเทวี พบนางวิลาวัลย์ฯ ในบ้านพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวจึงได้ร่วมกันจับกุมตัวนางวิลาวัลย์ฯ และตรวจค้นพยานหลักฐานในบ้านพักของบุคคลทั้งสอง และจากการสืบสวนทราบว่านายสามารถฯ ได้เดินทางไปทำบุญที่จังหวัดเชียงราย ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมนายสามารถฯ ได้ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงรายซึ่งจะได้นำตัวมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดี
เบื้องต้นบุคคลทั้งสองยังให้การปฏิเสธ
เหตุแห่งการออกหมายจับในครั้งนี้สืบเนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของนางวิลาวัลย์ฯ ซึ่งเป็นมารดาของนายสามารถฯ มีการโอนเงินมาจากหลายแหล่งเข้าในบัญชีเงินฝากธนาคารประมาณ กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นการรับโอนเงินจากนายวรัตน์พลฯ หรือบอสพอล จำนวน 2.5 ล้านบาท และจากบอสปีเตอร์ อีกจำนวน 5 แสนบาท พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พิสูจน์ทราบว่านายสามารถฯ เป็นผู้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าว การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการโอน รับโอนทรัพย์จากคดีความผิดมูลฐานซึ่งผิดกฎหมาย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ จ.เชียงรายในช่วงเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้เดินทางไปสอบปากคำนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ พ.ต.อ.สง่า ศรีวิชัย ผกก.สภ.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ได้ร่วมกันสอบสวน นายสามารถ
เบื้องต้นคนขับรถตู้รับจ้าง ให้ข้อมูลทราบว่า นายสามารถเดินทางมาถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ในเวลาประมาณ 08.20 น. และได้ติดต่อว่าจ้างรถตู้พร้อมคนขับ ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน 7กน 867 กทม. ในราคา 7,000 บาท เพื่อเดินทางไปที่วัดห้วยปลากั้ง ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย และแวะทานอาหารใกล้กับชุมชนห้วยปลากั้ง โดยวางแผนว่าหลังจากทานอาหารและเสร็จธุระในตัวเมืองเชียงราย ก็จะให้คนขับรถพาไปส่งที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับ กทม. แต่ถูกตำรวจควบคุมตัวได้เสียก่อน
โดยหลังจากทำการสอบสวนและทำบันทึกการจับกุม ที่ สภ.แม่ยาว เสร็จทางเจ้าหน้าที่ DSI ได้นำตัวนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เดินทางไปยัง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายเพื่อเดินทางไปยัง กรุงเทพฯ ซึ่งจะออกจากเชียงรายประมาณ 21.00 น. โดยจะนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ต่อไป
ต่อมาในช่วงเย็นมีรายงานข่าวว่า พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า จากการปฏิบัติการของดีเอสไอในวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด คือ 1.บ้านหรูหลังหนึ่งในหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ย่านถนนพรานนก-พุทธมณฑล แขวงบางพรหม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และ 2.บ้านพักหลังหนึ่งในซอยพญานาค เขตราชเทวี กรุงเทพฯ และในจุดที่ 2 นี้เจ้าหน้าที่ได้พบตัวบุคคลตามหมายจับ คือ นางวิลาวัลย์ แม่ของนายสามารถ อายุ 62 ปี และพบสิ่งของที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ซึ่งสาเหตุที่ดีเอสไอมีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับทั้ง 3 บุคคล ประกอบด้วย 1.นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล 2.นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช และ 3.นางนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ สืบเนื่องมาจากที่ดีเอสไอได้รับคดีฟอกเงินทางอาญาของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และพวก ไว้เป็นคดีพิเศษ และได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่ามีการเงินระดมของบรรดาสมาชิกไปยังบัญชีของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และบัญชีธนาคารของบริษัท ดิไอคอนฯ ก็โอนต่อไปยังบุคคลในหมายจับหลายทอด
ดังนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ คือ การโอนหรือรับโอนเงิน เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือเพื่อปกปิดอำพรางซุกซ่อนลักษณะแท้จริงของการได้มาซึ่งทรัพย์สิน จึงเข้าข่ายความผิดอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ดีเอสไอก็ได้มีการควบคุมตัวบุคคลตามหมายจับไว้เบื้องต้น 1 ราย คือ มารดาของนักการเมือง (นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์) ขณะที่ผู้ต้องหาอีกราย (นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช) ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากไม่พบตัวในที่พัก อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 5 ที่ประสานว่าพบตัวแล้ว และตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอไปยัง จ.เชียงราย เพื่อประสานรับตัวนายสามารถ กลับมาดำเนินคดีในช่วงค่ำวันนี้
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้ควบคุมตัวนางวิลาวัลย์ มาที่อาคารเมื่อช่วงเช้านั้น ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำ ยังไม่ได้รับรายงานว่าปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่เจ้าตัวค่อนข้างให้การไม่เป็นประโยชน์ แต่รายละเอียดคำให้การ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ทราบเบื้องต้นเพียงว่าทั้งสองยังคงให้การปฏิเสธ นอกจากนี้ ในเรื่องเส้นทางการเงิน 2.5 ล้านบาทที่พบความเชื่อมโยงระหว่างบอสพอล และนางวิลาวัลย์ นั้น แม้จะมีการกล่าวอ้างว่าเป็นเงินฝากทำบุญหรือเงินใดก็ตาม ก็ถือเป็นการแก้ข้อกล่าวหา หรือจะแสดงข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ ดีเอสไอก็รับฟัง เพียงแต่ดูแล้วก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าฟังได้หรือไม่ว่าการรับโอนในปริมาณหลักแสนบาทนี้ ความถี่รายเดือนเเบบนี้ ทั้งยังเป็นเงินที่มาจากบริษัทที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีมูลฐานอีก ส่วนประเด็นเรื่องความสนิทสนมระหว่างบอสพอลและนางวิลาวัลย์ นั้น ดีเอสไออยู่ระหว่างสอบสวนปากคำเช่นเดียวกัน
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยถึงกรณีที่บอสพอลไม่ติดใจดำเนินคดีนายสามารถ แต่ดีเอสไอดำเนินคดีนั้น เนื่องด้วยมันเป็นความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นจะต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ หากพนักงานสอบสวนพบความผิดก็ต้องดำเนินการ เพื่อตัดวงจรการกระทำความผิดทางมาตรการการฟอกเงิน โดยเป็นนโยบายของกระทรวงยุติธรรม และรัฐบาล ซึ่งเราต้องบังคับใช้กฎหมายในทุกมิติ ดังนั้น หากฝั่งของบอสพอลจะออกมาปกป้องนายสามารถก็ถือเป็นสิทธิ หรือจะยื่นพยานหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใดก็ได้
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยด้วยว่า การกระทำความผิดมูลฐานนั้น เราต้องมีหลักฐานระดับหนึ่ง ศาลจึงพิจารณาออกหมายจับ ทั้งความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หรือความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ก็เป็นความผิดมูลฐานทั้งสิ้น เมื่อมีพยานหลักฐานแน่ชัดแล้ว การได้ทรัพย์จากการกระทำผิดแล้วมีการมาโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพฯ ก็ถือเป็นความผิดอาญาฐานฟอกเงิน
พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า กรณีของนายสามารถ ที่พบตัวไปอยู่ที่ จ.เชียงราย นั้น ในช่วงเช้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นบ้านของเจ้าตัว พบว่าแอร์ยังไม่มีการปิดใช้งาน มีเสื้อผ้าเพิ่งถอดออก ดังนั้น เจ้าตัวอาจต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดจริง แต่อาจจะรับทราบหรือไม่ เพราะมีลักษณะเร่งรีบออกไป ส่วนจะเป็นการออกไปในช่วงเช้าก่อนดีเอสไอเข้าค้น หรือออกไปตั้งแต่คืนวานนี้นั้น อันนี้น่าจะก่อนดีเอสไอเข้าค้น แต่ตนยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด
ขณะที่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่านายสามารถมีเงินไหลเข้าบัญชีรวมกว่า 110 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีเงิน 3 ล้านบาท ที่มาจาก “ดิไอคอน” ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีที่นายสามารถดูแล และในบางส่วนถูกโอนไปยังบัญชีของมารดา ก่อนเงินจำนวนดังกล่าวจะถูกส่งต่อกลับมายังบัญชีนายสามารถอีกครั้ง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ยังตรวจพบเส้นเงินใหม่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่มาจากบุคคล 9-10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของเงินดังกล่าว เนื่องจากมีการโอนเงินผ่านบัญชีอื่นหลายขั้นตอนก่อนจะถึงปลายทางที่บัญชีนายสามารถ เบื้องต้นเชื่อว่าเงินเหล่านี้อาจมีที่มาจากแหล่งเงินสีเทา แต่ยังคงต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม
"ในช่วงปีใหม่นี้ผมเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญให้บรรดา อินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง คนดัง และผู้ดูแลเพจโซเชียลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี โดยจะส่งทุกคนไปพักห้องวีไอพีในเรือนจำ หากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน" รอง ผบช.ก. กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อถึงกรณีคดีของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างชื่อนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย เพื่อข่มขู่เรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน โดยกล่าวว่าคดีนี้ได้ส่งสำนวนไปให้ทางกองบังคับการปราบปรามแล้ว อยู่ในระหว่างการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกหมายเรียก หรือหมายจับซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนได้ภายในสัปดาห์นี้