'สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์' ตอบประเด็นคัดเลือกบอร์ดธปท. กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2567 ที่สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตึกช้าง อาคาร B
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าร่วมกิจกรรม ECONMASS TALK EP.1 คุยประเด็นร้อน HOT "เก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติสำคัญไฉน"
นายสถิตย์ กล่าวว่า ในการปลดผู้ว่าฯธปท. มีสาเหตุ 2 ประการ ได้แก่ 1.ประพฤติเสื่อมเสียร้ายแรง 2.ปฏิบัติหน้าที่เสียหายอย่างร้ายแรง หรือหย่อนสมรรถภาพในการทำหน้าที่ ซึ่งต้องระบุเหตุผลโดยละเอียดในการปลด โดยประธานบอร์ดธปท.ไม่สามารถแต่งตั้งผู้ว่าฯธปท.ได้ เพราะการแต่งตั้งผู้ว่าธปท. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมาชุดหนึ่ง เหมือนกรรมการชุดปัจจุบันนี้ โดยกรรมการคัดเลือกมีหน้าที่รอคัดเลือกเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องทำหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติต่าง ๆ ของผู้ถูกเสนอชื่อ ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่า จะต้องแต่งตั้งได้จาก บุคคลดังนี้ 1.ปลัดกระทรวงการคลัง 2.ปลัดกระทรวงพาณิชย์ 3.ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 4.ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 5.เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา 6.เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ 7.ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 8.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 9.เลขาธิการคณะรรมการกลต. 10.เลขากำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย จากอดีตบุคคลที่ดำรงตำแหน่งข้างต้น เลือกมา 7 คน มาเป็นผู้เลือกประธานบอร์ดธปท.
ทั้งนี้คณะกรรมการในธนาคารแห่งประเทศไทยมี 4 คณะ ได้แก่ 1.คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดธปท. 2.คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีประธานคือผู้ว่าฯธปท. 3.คณะกรรมการนโยบานสถาบันการเงิน มีประธานเป็นผู้ว่าฯธปท. 4.คณะกรรมการระบบการชำระเงิน มีประธานเป็นผู้ว่าฯธปท.
"ดังนั้นคณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบานสถาบันการเงิน คณะกรรมการระบบการชำระเงิน มิได้อยู่ภายใต้บอร์ดธปท. ดังที่เข้าใจว่าเหมือนรัฐวิสาหกิจ แต่นี่เป็นธปท.ที่มีความแตกต่างจากรัฐวิสาหกิจทั่วไป" นายสถิตย์ กล่าว
นายสถิตย์ กล่าวว่า บอร์ดแบงค์ชาติมีอำนาจในการกำกับธปท. โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ การกำกับดูแลโครงสร้างองค์กร ฯลฯ ที่เป็นงานบริหารจัดการ ยกเว้นนโยบายการเงิน นโยบายสถาบันการเงิน นโยบายชำระเงิน คนที่จะเกี่ยวข้องกับ 3 นโยบายข้างต้น คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
"ผมได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 7 บอร์ดคัดเลือกประธานธปท. ซึ่งเป็นผลมาจากกฎหมายที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อเข้าไปแล้วก็มีการเลือกกันว่าใครจะได้เป็นประธาน ซึ่งผมอาวุโสสูงสุดในด้านอายุ จึงได้รับเลือกเป็นประธานการประชุม" นายสถิตย์ กล่าว
นายสถิตย์ กล่าวว่า หลังจากจากเลือกประธานการประชุม ที่ประชุมมีมติให้ปลัดกระทรวงการคลังและผู้ว่าฯธปท.เป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ว่าฯคนใหม่ โดยกฎหมายระบุว่า ผู้ว่าฯธปท.มีสิทธิ์เสนอชื่อประธานบอร์ดธปท.ได้ 2 คน ปลัดกระทรวงการคลังเสนอชื่อได้ 1 คน ซึ่งรายชื่อที่ได้รับเสนอเป็นใครสื่อมวลชนก็ทราบกันดี เมื่อเสนอชื่อมาแล้วก็นำมาสู่การพิจารณา โดยมอบให้ฝ่ายเลขานุการตรวจสอบคุณสมบัติ ทางฝ่ายเลขาฯก็ใช้ระยะเวลานานในการตรวจสอบเพราะต้องขอข้อมูลต่าง ๆ จากหลายหน่วยงาน เมื่อใกล้ถึงวันประชุมฝ่ายเลขาก็ติดต่อผมมา ว่าขอเวลาเพิ่มในการหาข้อมูลในสื่ออนไลน์ ว่าผู้ที่ได้รับเสนอชื่อมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ ลักษณะต้องห้าม ได้แก่
1. บุคคลไร้ความสามารถ
2. บุคคลล้มละลาย
3. บุคคลต้องคำพิพากษาถึงที่สุด
4. บุคคลไม่มีตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมือง
5. บุคคลที่มีตำแหน่งในนิติบุคคลที่อยู่ใต้กำกับธปท. เว้นแต่ลาออกก่อน
หลังจากที่ฝ่ายเลขาฯสืบข้อมูลอีกครั้งหลังจากขอเลื่อน ก็นำเสนอข้อมูลเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 67 โดยมีนัดประชุม 4 พ.ย. 67 แต่เอกสารมีจำนวนมากต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน จึงเป็นเหตุให้เลื่อนจากวันที่ 4 เป็น 11 พ.ย. 67
นายสถิตย์ กล่าวว่า จนกระทั่งวันที่ 11 พ.ย. เข้าสู่วาระการประชุม หลังจากการอภิปรายประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างกว้างขวางและตกผลึกตรงกันว่า หน้าที่ของกรรมการคัดเลือก คือ ต้องคัดเลือกประธานบอร์ดและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักการของกฎหมาย 2 ประการ ได้แก่ 1.ผู้ที่ได้รับเสนอชื่อไม่มีลักษณะต้องห้ามทางกฎหมาย 2.มีคุณสมบัติครบถ้วน ได้แก่ ความรู้ความสามารถอันเป็นประโยชน์ต่อภารกิจของธปท. โดยความรู้ที่หมายถึง คือ ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ บัญชี กฎหมาย และความรู้อื่นที่เป็นประโยชน์ต่อธปท.
เมื่อพิจารณาคุณสมบัติผ่านแล้วก็ตกลงกันว่าจะลงคะแนนลับ ทางฝ่ายเลขานุการก็ส่งกระดาษและปากกาที่เหมือนกันทุกประการมาให้
"เมื่อถึงเวลาเลือกให้ทำเครื่องหมายกากบาทคนที่ต้องการเลือก ผลออกมาเป็นอย่างที่ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจไปแสวงหามากัน" นายสถิตย์ กล่าว
นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า กระบวนการขั้นต่อไป คือ ประธานกรรมการคัดเลือกบอร์ดธปท. มีหนังสือไปถึงผู้ที่ดำรงตำแหน่งในบริษัทใต้การกำกับของธปท.ให้รีบลาออก ไม่เช่นนั้นจะขาดคุณสมบัติ ต่อจากนั้นจะมีหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่าใครได้รับเลือกเป็นประธานและผู้ทรงคุณวุฒิบอร์ดธปท. จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะทำเรื่องเข้าครม. เมื่อมีมติจากครม. ก็จะส่งเรื่องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้ง แต่สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถแต่งตั้งได้เอง ทั้งนี้ระหว่างที่กระบวนการเหล่านี้ยังไม่เสร็จสิ้น กรรมการไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ได้
"หลายคนกังวลว่า ถ้ากรรมการหลายท่านที่เป็นที่วิจารณ์อยู่บ่อย ๆ เข้าไปแล้วจะไม่เกิดความขัดแย้งหรือ จะเต็มไปด้วยความตึงเครียดหรือไม่ หลายคนกังวล ผมเรียนว่าเมื่อเข้าไปเป็นประธานและผู้ทรงคุณวุฒิ ก็จะกลายเป็นคนของแบงก์ชาติ ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยจรรยาบรรณของแบงก์ชาติ" นายสถิตย์ กล่าว