ตำรวจเบิกตัวสอบปากคำทนายตั้ม-ภรรยาต่อ หลังสอบปากคำไปแล้ว 11 ชั่วโมงคดีฉ้อโกงเงินนับสิบล้าน ด้านทนายส่วนตัวทนายตั้มแจงเตรียมเอกสารพยานหลักฐานสู้คดีในชั้นศาลแล้ว ขณะ ผบก.ป.โต้ทนายตั้มกล่าวหากองปราบอุ้มพยาน ยืนยันตำรวจทำงานตามกรอบกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบปากคำนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ที่กองบังคับการปราบปราม หลังการสอบปากคำกว่า 11 ชั่วโมง เมื่อคืนนี้ พนักงานสอบสวน ร่วมกันควบคุมตัว สองสามีภรรยา ลงจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวเข้าห้องขังที่บริเวณชั้น 1 บก.ป. ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า การสอบปากคำทั้งสองคน มีหลายประเด็นที่ยังพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงไม่ได้ และในวันที่ 8 พ.ย.ชุดสืบสวนกองปราบ เตรียมจะเข้าตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องอีกหลายแห่งเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย ส่วนการฝากขังมีรายงานว่าหากเร็วที่สุดก็น่าจะช่วงก่อนเที่ยงวันนี้ ภายหลังจากการตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยเสร็จสิ้นแล้ว รวมทั้ง พนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาอีกด้วย
อนึ่ง ทั้งนายษิทราและนางปทิตตาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจับกุม ในคดีหลอกลวงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน คดีวงเงิน 71 ล้านบาท วงเงิน 39 ล้านบาท ค่าออกแบบโรงแรม ซึ่งทางฝั่งของ น.ส.จตุพรยืนยันว่าไม่ได้ให้ด้วยความเสน่หา
ด้าน นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม เปิดเผยว่าทนายตั้มไม่เครียดกับการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งยังเตรียมตัวถูกจับกุมจากตำรวจมาเป็นเวลานานถึง 5 วัน โดยใส่สูทแต่งตัวรอให้ถูกจับกุมอยู่ที่บ้านตลอดเวลา กระทั่งวันนี้เห็นว่ายังไม่มีการออกหมายจับจึงเดินทางไปทำบุญที่วัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งมีความบริสุทธิ์ใจสังเกตได้จากการแต่งตัวและเสื้อผ้า ที่ทั้งสองคนวางแผนว่าจะไปนอนทำวัตรเย็นที่วัดและเดินทางกลับบ้าน ไม่ได้จะเดินทางหนีออกไปยังชายแดนอย่างที่ทุกคนตั้งข้อสังเกต แต่ยอมรับว่าภรรยาของทนายสิทธามีอาการเครียด เนื่องจากเป็นผู้หญิงและไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ยืนยันว่าตนเองและทนายตั้มได้เตรียมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารหลักฐานสัญญาไว้อย่างละเอียดแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการตีความกฎหมาย นอกจากนี้จะหารือกับญาติของลูกความทั้งสองคนว่าจะเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไว้อย่างไร
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ทนายตั้ม จะลงมาห้องขัง ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า "ยังมีนักข่าวเฝ้าอยู่หรือไม่" เนื่องจากไม่อยากเจอสื่อมวลชน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจึงขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนให้ออกมาเฝ้าสังเกตุการณ์ด้านนอกอาคารแทน กระทั่งผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าควบคุมตัวทนายตั้ม เดินลงจากห้องสอบสวน โดยทนายตั้ม มีสีหน้าอิฐโรย และพยายามเหลือบมองสื่อมวลชน รวมถึงนางปทิตตา ก็ได้เดินก้มหน้า ก่อนทั้งสองจะถูกนำตัวเข้าห้องขังไปทันที
ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้สั่งข้าวกะเพราไก่กล่องละ 25 บาท 2 กล่องและน้ำดื่มสองขวด จาก "ร้านกุ๊กไก่อาหารตามสั่ง" มาให้นายษิทรา และ นางปทิตตา และในเวลา 07.40 น.พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.ได้เบิกตัวทนายตั้มไปสอบปากคำต่อเนื่องจากวันที่ 7 พ.ย. ส่วนภรรยาเบิกไปสอบเวลา 08.25 น.
ด้านพล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.กล่าวว่า อยากชี้แจงกรณีที่นายษิทราเคยให้สัมภาษณ์ด้อยค่าตำรวจกองปราบปรามไปอุ้มพยานมาโดยที่เขาไม่เต็มใจเดี๋ยวจะโดนแจ้งความกลับว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำไปตามกรอบกฎหมาย ไม่ได้ทำนอกเหนือกฎหมายแต่อย่างใด
“เราทำตามอำนาจหน้าที่ ส่วนผู้ต้องหาล็อตสองนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่าจะขยายผลไปถึงใครบ้างก็จะดำเนินการต่อไป ส่วนพยานที่เป็นคนสนิทของทนายตั้มที่เรียกมาสอบสวนนั้นยังบอกไม่ได้ว่าจะกันไว้เป็นพยานหรือจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้” พล.ต.ต.มนตรีกล่าว