ตำรวจสรุปรายการยึดทรัพย์สินดิไอคอนกรุ๊ป รวมมูลค่าทรัพย์สิน ของมีค่า 219.7 ล้าน พบมีรถหรูร่วม 23 คัน เสื้อผ้าแบรนด์เนม 121 รายการ เผยข้อมูลทรัพย์สินบอสพอล ผู้บริหาร เยอะสุด 61ล้าน ขณะบอสกันมีทรัพย์สิน 17.7 ล้าน ด้านทนายบอสพอลแจงเจ้าตัวปฏิเสธข้อกล่าวหา ศาลยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัว 17 ผู้ตั้งหา หวั่นหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สืบเนื่องจากปฏิบัติการบุกทลายเครือข่าย “ดิไอคอนกรุ๊ป” เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ที่เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการ ประกอบด้วย รถหรูจำนวน 23 คัน ทองคำ กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม 121 รายการ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ 39 ชิ้น โฉนดที่ดิน ทองคำ และ ของมีค่าอื่น ๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 219,714,889 บาท
ทั้งนี้เมื่อแยกจำเพาะเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มบอสระดับบน จะพบว่า นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด นั้นมีทรัพย์สินที่ถูกตรวจยึดด้วยกันหลายรายการ ประกอบด้วย รถยนต์หรูยี่ห้อ Benz รุ่น S 500e จำนวน 1 คัน รถยนต์หรู ยี่ห้อ bentley รุ่น flying spur hybrid 1 คัน รถยนต์หรูยี่ห้อ rolls royce 1 คัน รถเอนกประสงค์ยี่ห้อ Ford 1 คัน และ รถตู้ 1 คัน นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าแบรนเนม อาวุธปืน นาฬิกาหรู อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 61,000,000 บาท
ส่วน น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน ถูกยึดทรัพย์ รถหรูจำนวน 2 คัน ประกอบด้วย รถหรูยี่ห้อ mclaren 1 คัน และ รถหรูยี่ห้อ bmw รุ่น x3 จำนวน 1 คัน รวมมูลค่า 30,000,000 บาท ขณะที่ในรายของ นายกลด เศรษฐนันท์ หรือ บอสปีเตอร์ ถูกยึดรถยนต์หรู 2 คัน อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ 6 รายการ รวมมูลค่า 12,120,000 บาท
เช่นเดียวกับ นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือ บอสหมอเอก ถูกยึดรถยนต์หรู 1 คัน ของแบรนด์เนมและเครื่องประดับ 9 รายการ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 3 รายการ โฉนดห้องชุด 1 ห้อง รวมมูลค่า 3,845,000 บาท ส่วน น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือ บอสสวย ถูกยึดรถหรู 1 คัน อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ 5 รายการ โฉนดที่ดิน 1 รายการ รวมมูลค่า 6,100,000 บาท
ส่วน นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแซม ถูกยึดเพียง อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ 1 รายการ มูลค่า 20,000 บาท เช่นเดียวกับดาราสาว มีน พิชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมีน ขณะนี้ยังถูกยึดทรัพย์เพียงแค่ กระเป๋าเดินทางหลุยส์ 1 ใบ มูลค่า 125,000 บาท
ด้าน นายกันต์ กันตถาวร พิธีกรชื่อดัง หรือ บอสกัน นั้นถูกยึดรถหรูยี่ห้อ Mercedes Benz รุ่น Sprinter 416 CDI Van รุ่น ปี 2020 สีดำ 1 คัน รถหรูยี่ห้อ Porche รุ่น Cayenne S E-Hybrid ปี 2014 สีแดง จำนวน 1 คัน รถสปอร์ตยี่ห้อFORD Muastang 1 คัน รถเอนกประสงค์ ยี่ห้อ KIA รุ่น CARNIVAL ปี 2022 จำนวน 1 คัน iPad mini 2 จำนวน 1 เครื่อง และ ผลิตภัณฑ์ของ The Icon หลายรายการ รวมมูลค่า 17,077,000 บาท
ส่วน นางวิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ หรือ บอสจอย ถูกยึดทรัพย์ รถยนต์ อัลพาร์ด 1 คัน เงินสด 6 ล้านบาท สร้อยคอ กำไลทองคำ และ กระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่า 9,600,000 บาท ขณะที่ น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือ บอสโซดา ถูกยึดทรัพย์รวม 45 ล้านบาท เช่นเดียวกับ นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือ บอสอ๊อพ ถูกรถหรูเปอร์เช่ 1 คัน เงินสดกว่า 1 ล้านบาท ทองคำ กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู เงินสด รวมมูลค่า 16,740,000 บาท
ขณะที่ตัวละครบิ๊กบอสสำคัญอีกราย อย่าง น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือ บอสแม่หญิง มีทรัพย์สินที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึด ประกอบด้วย รถยนต์หรูยี่ห้อ PORSCHE จำนวน 1 คัน รถเอนกประสงค์นี่ห้อโตโยต้า 1 คัน รวมไปถึงกระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าอื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่า 9,318,889 บาท
อย่างไรก็ตามสำหรับทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ จำนวนเกือบ 220 ล้านบาท นั้น ยังเป็นเพียงแค่ทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ตรวจพบในเบื้องต้นเพียงเท่านั้น เพราะยังมีทรัพย์สินมีค่าอีกหลายรายการที่ยังอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบเพื่อติดตามตรวจยึดกลับคืน เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาบางส่วนมีแปลงสินทรัพย์เงินสด เป็น สกุลเงินดิจิทัล ในลักษณะของการลงทุน ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะถูกเปิดโปงเป็นคดีความขึ้นมาเพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ
ขณะที่ในวันที่ 17 ต.ค. ในช่วงเช้ามีรายงานข่าวว่า นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล ได้เดินทางมาเข้าเยี่ยม ที่กองบังคับการปราบปราม หลังนายวรัตน์พล หลังถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 16 ต.ค.
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ถึงตอนนี้ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันคำให้การเดิม เช่นเดียวกับที่ให้การในวันที่ 12 ต.ค. ส่วนกรณีที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ก็เป็นสิทธิของตำรวจ แต่ทางทนายความก็เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันแล้ว และจะยื่นประกันตัวในชั้นศาลให้กับบอสทั้ง 18คน โดยจะแถลงต่อศาลว่า ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีตั้งแต่ต้น มารายงานตัวและยินดีมาให้ปากคำตั้งแต่วันที่ 12ต.ค. และจะมารายงานตัวทุกๆ5วันเพื่อให้ตำรวจมั่นใจว่าจะไม่หนีแน่นอน เพื่อชี้ให้ศาลเห็นพฤติการณ์ว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาหลบหนี แต่กลับถูกตำรวจบุกไปจับกุมที่ สคบ. มีหลักฐานบันทึกไว้ทุกอย่าง จึงเชื่อว่าเป็นเหตุผลที่เพียงพอให้ศาลรับฟัง ส่วนหลักทรัพย์ที่เตรียมไว้เป็นการไปหยิบยืมเพื่อนของผู้ต้องหา เนื่องจากบัญชีผู้ต้องหาถูกอายัด แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้กังวลใจ หาไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล เพราะมองว่าเป็นแค่การเปลี่ยนที่นอน เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อ ส่วนจะยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวอีกรอบหรือไม่นั้น ขอหารือกับทีมทนายอีกครั้ง
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ยืนยันว่ามั่นใจในข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งเมื่อคืนตนก็อยู่กับบอสพอลจนถึงส่งเข้าเรือนนอน บอสพอลไม่ได้กังวลหรือตกใจอะไร เข้าใจว่าทุกคนทำหน้าที่และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษนอกจากให้ดูแลแม่และลูก ส่วนเรื่องของบริษัทตนเองไม่ทราบ แต่ทราบว่าบอสพอลได้พูดคุยกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ซึ่งก็ดูท่าทางปกติดี
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. มีรายงานว่า ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 17 ราย ยกเว้นบอสพอลเนื่องจากยังสอบปากคำไม่เสร็จ ลงมาจากอาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดฝากขังศาลอาญารัชดา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมรถตู้ 4 คัน จะแบ่งให้ผู้ต้องหานั่งคันที่ 1 5 คน, คันที่ 2 - 4 คันละ 4 คน และรถตำรวจนำขบวน 1 คัน ปิดขบวนอีก 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ที่คอยประกบผู้ต้องหา 1 นายต่อ 1 คน
ซึ่งขณะที่ผู้ต้องหาได้ลงมาทางผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด 17 รายไม่ได้มีการตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นรถตู้ออกไป ทั้งนี้มีรายงานว่ามีผู้ต้องหาทุกคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยบางคนเลือกที่ไม่ให้การในชั้นสอบสวน แต่จะขอให้การในชั้นศาลแทน
ขณะที่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว 17 ราย และนำตัวส่งฝากขังศาลเป็นที่เรียบร้อย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวทั้งหมด แต่ยังเหลืออีก 1 รายคือบอสพอลที่ยังสอบสวนไม่เสร็จเนื่องจากผู้ต้องหาและทนายความประสงค์ที่จะให้รายละเอียดทางคดีเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการจะต่อสู้คดี โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนจะมีประเด็นอะไรบ้างนั้นขอยังไม่เปิดเผย เนื่องจากเป็นรายละเอียดของสำนวนคดี และส่วนกรอบระยะเวลาในการสอบปากคำบอสพอลคาดว่าจะใช้เวลาถึงวันพรุ่งนี้ ตามกรอบอำนาจ 48 ชม.
กรณีจะมีการพิจารณาออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน และจากการสอบสวนผู้เสียหายที่มีจำนวนมากขึ้น ก็กำลังพิจารณากันอยู่ว่าหลักฐานจะไปเชื่อมโยงถึงผู้ใดบ้าง ส่วนทรัพย์สินของบอสพอล มีส่วนของการดำเนินคดีและยึดทรัพย์ควบคู่กันไป แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด
ส่วนภรรยาของบอสกันต์ จะอยู่ในส่วนผู้ต้องหาล็อตใหม่หรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ ระบุว่า ให้ขึ้นอยู่กับกระบวนการการสอบสวน ส่วนจะเป็นแม่ขายหรือไม่นั้นไม่ขอตอบ นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังมีสิ่งที่จะต้องทำกันอีกเยอะ เพราะการทำสำนวนสอบสวนไม่ได้อยู่ที่การให้การของผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว มีอีกหลายส่วนที่ต้องประกอบกัน
ส่วนกรณีที่มีชื่อบุคคลหนึ่งถูกกล่าวอ้างถึงในคลิปเสียงเทวดานั้น เป็นความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ที่จะขยายผลว่าใครที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของผู้ต้องหาบ้างก็จะพิจารณาเป็นรายคนไป
สำหรับรายชื่อทั้ง 17 ผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังประกอบไปด้วย 1.นายจิระวัฒน์หรือบอสแล็ป แสงภักดี
2. นายกลดหรือบอสปีเตอร์ เศรษฐนันท์ 3. น.ส.ปัญจรัศม์หรือบอสปัน กนกรักษ์ธนพร 4. ดร.ฐานานนท์หรือบอสหมอเอก หิรัญไชยวรรณ 5. น.ส.นัฐปสรณ์หรือบอสสวย ฉัตรธนสรณ์ 6. น.ส.ญาสิกัญจน์หรือบอสโซดา เอกชิสนุพงศ์
7. นายนันท์ธรัฐหรือบอสโอม เชาวนปรีชา 8. นายธวิณทร์ภัสหรือบอสวิน ภูพัฒนรินทร์ 9. น.ส.กนกธรหรือบอสแม่หญิง ปูรณะสุคนธ์ 10. น.ส.เสาวภาหรือบอสอูมมี่ วงษ์สาขา 11. นายเชษฐ์ณภัฏหรือบอสทอมมี่ อภิพัฒนากานต์ 12. นายหัสยานนท์หรือบอสป๊อบ เอกชิสนุพงศ์ 13. นางวิไลลักษณ์หรือบอสจอย ยาวิชัยหรือเจ็งสุสรรณ 14. นายธนะโรจน์หรือบอสออฟ ธิติจริยาวัชร์ 15. นายยุรนันท์หรือบอสแซม ภมรมนตรี 16. น.ส.พีชญาหรือบอสมีน วัฒนามนตรี
และ 17. นายกันต์หรือบอสกันต์ กันตถาวร
มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าในชั้นสอบสวนนายยุรนันท์หรือบอสแซม ภมรมนตรี ผู้ต้องหาที่ 15 น.ส.พีชญาหรือบอสมีน วัฒนามนตรีผู้ต้องหาที่ 16 และนายกันต์หรือบอสกันต์ กันตถาวร ผู้ต้องหาที่ 17 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน
แต่สาเหตุที่พนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 17 คน เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหาทั้ง 17 คน เป็นการร่วมกันกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ คดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร มีผู้เสียหายจำนวนมาก จำนวนทุนทรัพย์สูง และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ศาลพิจารณาคำร้อง ไต่สวนพนักงานสอบสวน และสอบผู้ต้องหาทั้ง 17 คนแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาที่ 1-17 ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน
ปรากฎว่าผู้ต้องหาที่ 15 ที่ 16 และ ที่ 17 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว การกระทำของผู้ต้องหาที่ 15 ที่ 16 และ ที่ 17 มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเป็นระบบ ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง สร้างความเดือดร้อนแก่สุจริตชนเป็นอันมาก มูลค่าความเสียหายสูง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้านการปล่อยชั่วคราว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 15 ที่ 16 และ ที่ 17 จะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจกระทำการใดกระทบกระเทือนต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงในคดี ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาต ยกคำร้อง
พนักงานสอบสวนแถลงว่า สำหรับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และยังอยู่ในระยะเวลาควบคุมของพนักงานสอบสวน ขออนุญาตนำตัวมาฝากขังในวันพรุ่งนี้
โดยภายหลังศาลไม่ให้ประกันเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาเพศชายไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเพศหญิงนำไปคมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง