รมช.คลัง ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ เปิดแง่ดี ‘เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์’ ดันเศรษฐกิจไทยโต 1% สร้างงาน 10,000 ตำแหน่ง, โกยเงินเข้าประเทศจุดละ3 หมื่นล้านบาท ระบุขั้นตอนอยู่รอพิจารณาร่างกฎหมาย เพื่อเสนอ ครม. อนุมัติต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 12 กันยายน 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างชี้แจงนโยบายรัฐบาลในส่วนของโครงการเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ว่า เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ได้ศึกษาเสร็จ และได้พิจารณากันจนผ่านไปถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง ครม. ได้ให้กระทรวงการคลังศึกษาตัวร่างกฎหมายและปรับแก้ให้เหมาะสมต่อไป โดยขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วค่อนข้างมาก มีการปรับแก้กฎหมายให้เป็นไปตามระเบียบวิธีการการร่างกฎหมาย ดูข้อจำกัดทางกฎหมายในประเด็นต่างๆ ทำประชาพิจารณ์มีผู้เห็นชอบ 80%
สำหรับขั้นตอนต่อไป กระทรวงการคลังจะส่งร่างกฎหมายกลับไปยังครม. เมื่อ ครม. เห็นชอบแล้ว ก็จะเสนอร่างไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว ก็จะส่งต่อมาที่รัฐสภา เพื่้อพิจารณาในวาระ 1-3 ของทั้ง สส.และสว.ต่อไป
“ส่วนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ได้มีการทำแบบจำลองทางเศรษฐกิจมหภาคมีการเทียบเคียงกับโมเดลของประเทศสิงคโปร์ โดยจะมีผลประโยชน์กับประเทศไทย 2 ช่วง ช่วงที่ 1 การก่อสร้างจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี และช่วงที่ 2 จะเป็นช่วงเวลาของการเปิดบริการเต็มรูปแบบ สำหรับผลประโยชน์ในช่วงที่ 1 จะเกิดการลงทุนอย่างน้อยจุดละ 100,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินลงทุนใหม่และจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจุดละไม่ต่ำกว่า 0.23% คิดเป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท การจ้างงานเชิงบวกไม่ต่ำกว่า 10,000 ตำแหน่งต่อเงินลงทุน 100,000 ล้านบาท ในเมื่อครบรอบการลงทุนในช่วง 3-4 ปีก็จะเข้าสู่ช่วงของการเปิดบริการ คาดว่าหากมีการเปิดบริการเต็มอัตราจะสามารถเพิ่มรายจ่ายของนักท่องเที่ยวต่อหัวได้ไม่ต่ำกว่า 22,300 บาทต่อนักท่องเที่ยว 1 คนโดยมีเป้าหมายที่จะขยายการใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่ 66,000 บาท ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวอยู่ 36 ล้านคนต่อปีโดยประมาณ จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1%” รมช.คลังระบุ
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า เมื่อรวมผลกระทบทั้งโครงการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 1% กว่าๆ โดยแยกเป็น 3 ปี แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านนักท่องเที่ยว และรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งยืนยันว่าการกำกับดูแลและการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลได้รับฟังทุกข้อเสนอและจะรับไว้เพื่อพิจารณาในการผลักดันร่างกฎหมายต่อไป และสุดท้ายจะเป็นภาระหน้าที่ของรัฐสภาในการพิจารณาตัวกฎหมายว่ามีประเด็นใดที่ต้องปรับแก้ไขให้เหมาะสมต่อไป