สภาโหวตรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2568 วงเงิน 3.752 ล้านล้าน ฉลุย 309 เสียง ถม โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว 3.3 แสนล้าน ยังขาดอีก 1.173 แสนล้าน ‘อาจารย์วีระ’ ติง จุดเริ่มต้นวินัยการเงินการคลังหย่อนยาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2568 วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาท วาระสาม ด้วยคะแนนเห็นชอบ 309 เสียง ไม่เห็นชอบ 155 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ขั้นตอนต่อไปจะส่งร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2568 ไปยังวุฒิสภาพิจารณาในวันที่ 9-10 ก.ย.2567 เพื่อประกาศและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.2567
สำหรับมาตราที่สมาชิก สส.ฝ่ายค้านและกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง คือ มาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง วงเงิน 8.42 แสนล้านบาท ในส่วนของรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ หรือ โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท วงเงิน 1.877 แสนล้านบาท
โดยเป็นรายการที่ได้รับการจัดสรรตามมติของคณะกรรมาธิการฯ เพิ่มเติมจากที่สภาฯเห็นชอบในวาระแรก หรือ ขั้นรับหลักการ วงเงิน 1.527 แสนล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 35,000 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท มาจากการลดงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 งบประมาณรายจ่ายของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ประกอบด้วย
1.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จำนวน 330.380 ล้านบาท
2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 31,322.379 ล้านบาท
3.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 72.317 ล้านบาท
4.ธนาคารออมสิน จำนวน 2,682.773 ล้านบาท
5.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 592.150 ล้านบาท
@ ถมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 3.3 แสนล้าน
สำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท จำนวน 45 ล้านคน วงเงิน 4.5 แสนล้านบาท เป็น ‘นโยบายเรือธง’ ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะนี้มีเงินอยู่หน้าตักแล้วจำนวน 333,700 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.จากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 หรือ ‘งบกลางปี’ วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567
2.จากงบกลาง วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท
3.ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2568 ในส่วนของงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 1.877 แสนล้านบาท (รอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้)
ทั้งนี้ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยังขาดอยู่อีก 1.173 แสนล้านบาท
@ แอบแฝงในงบกลาง-ตรวจสอบยาก
ก่อนหน้านี้นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 อภิปรายมาตรา 6 ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ หรือ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 1.877 แสนล้านบาทว่า เสนอขอตัดทั้งหมด
นายวีระกล่าวว่า รัฐบาลใช้ช่วงท้ายของการพิจารณางบประมาณในชั้นกรรมาธิการขอเสนอเปลี่ยนแปลงรายการนี้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย และตนได้พูดในที่ประชุมกรรมาธิการ ฯ ว่า ไม่ถูกต้อง แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
“สิ่งที่ผมจะบอกต่อไป คือ การเสนอเปลี่ยนแปลงเงินงบประมาณดังกล่าว นอกจากไม่สมเหตุผลแล้ว ไม่มีความจำเป็น เมื่อรัฐบาลยอมรับความจริงว่า การทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 4.5 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็นสองก้อน ก้อนแรก 1.4-1.6 แสนล้านบาท ใช้งบประมาณรายจ่ายปี 67 และงบรายจ่ายเพิ่มเติม โดยวิธีจ่ายเป็นเงินสด ไม่มีกระเป๋าดิจิทัลวอลเล็ตรองรับ งบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฯ 1.87 แสนล้านบาท ถ้าจะดำเนินการแบบจ่ายเงินสด หมายความว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตขณะนี้ ถือว่ายกเลิกไปโดยพฤตินัยแล้ว แม้ยังไม่ระบุไว้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ด้วยความสับสนแบบนี้ สมควรที่จะทบทวน เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไป”
นายวีระกล่าวว่า นอกจากนี้ รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เคยปรากฎอยู่ในงบประมาณที่เป็นงบกลางมาก่อน เป็นการตั้งรายการขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ ทำให้เกิดปัญหาความเหมาะสมในอัตราส่วนต่าง ๆ ที่นโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดไว้ เพื่อให้การตัดลดงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฯ 1.87 แสนล้านบาท เป็นจุดเริ่มต้นของการซวนเซ หย่อนยานในการดำเนินการรักษาวินัยการเงินการคลัง
“ผมอยากจะเสนอการจัดทำงบประมาณที่เป็นรายการประเภทค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ปี 67 และปี 68 ต่อไป ควรทำเสนอเป็นโครงการเอกเทศ ไม่ควรแอบแฝงอยู่ในงบกลาง เพราะการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สามารถตรวจสอบการใช้เงินได้ ส่วนใหญ่ตรวจสอบได้หลังจากทำไปแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้างบปี 68 ค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ถ้ารัฐบาลจะเดินหน้าทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป ตนเสนอให้ทำโครงการอย่างชัดเจน เช่น รูปแบบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เพื่อความโปร่งใสและรอบคอบ”นายวีระกล่าว
@ ชักดาบแบงก์รัฐ 3.5 หมื่นล้าน
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายมาตราเดียวกันว่า ขอตัดเฉพาะค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้นำกลับไปใช้ชำระหนี้ของธนาคารของรัฐตามเดิมด้วยเหตุผล ว่า เพราะเป็นการชักดาบ เบี้ยวหนี้ 5 ธนาคารของรัฐ
“ดิฉันมีข้อเสนอ เงินที่ต้องใช้ยังมีไม่พอ ควรรอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายให้จบก่อน หลังจากวันนั้นแล้วค่อยมาออกเป็น พ.ร.บ.โอนงบประมาณก็ยังทัน ไปตัดลดงบประมาณจากกระทรวงต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มาจ่ายโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อแจกให้ครบ 45 ล้านคน”น.ส.ศิริกัญญากล่าว