เผยมติ ป.ป.ช.เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี 'นายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่' อดีตนายก อบต.โคกสลุง ลพบุรี-พวก เข้ามีส่วนได้เสียในการจ้างประกอบอาหารโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก งานวันเด็ก-พ่อ-แม่แห่งชาติ หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี นายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี กับพวก คือ นางสุนีย์ สลุงอยู่ นางช้วน สลุงอยู่ เข้ามีส่วนได้เสียในการจ้างประกอบอาหารตามโครงการต่าง ๆ
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป ว่า ระหว่างที่นายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ได้ให้นางสุนีย์ สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ภริยาของนายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เข้ามาเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุงในการรับจ้างประกอบอาหารตามโครงการต่าง ๆ อาทิเช่น การประกอบอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุง การประกอบอาหารสำหรับงานวันเด็กแห่งชาติ งานวันพ่อแห่งชาติ และงานวันแม่แห่งชาติ เป็นต้น
โดยในการที่นางสุนีย์ สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เข้ามาเป็นคู่สัญญาดังกล่าว ได้ให้นางช้วน สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 แสดงตนเข้าเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุง ทั้งที่ความจริงแล้ว ผู้ที่เป็นคู่สัญญาและได้รับเงินค่าจ้างประกอบอาหารจากองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุงที่แท้จริง คือ นางสุนีย์ สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงหลายปีที่นายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุง กรณีถือได้ว่านายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่ เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการเข้าเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุงที่ตนดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอยู่
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า จากการไต่สวนเบื้องต้นข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ตั้งแต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เข้าปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2544 จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่ผู้กล่าวหาได้มีคำกล่าวหาผู้กล่าวหาที่ 1 ที่ 2 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. องค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุงได้มีการดำเนินการจ้างประกอบอาหารในโครงการต่าง ๆ ที่ปรากฏมีชื่อของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นคู่สัญญา จำนวนทั้งสิ้น 15 โครงการ/ครั้ง
แต่จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่จะรับฟังเป็นข้อเท็จจริงได้ว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้เป็นคู่สัญญารับจ้างเหมาประกอบอาหารตามโครงการทั้ง 15 โครงการ/ครั้ง ขององค์การบริหารส่วนตำบลโคกสลุง เป็นเพียงการแสดงตนเข้าเป็นคู่สัญญาแทนผู้กล่าวหาที่ 2 และหรือผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เท่านั้น เช่นนี้แล้ว เห็นว่าการที่ผู้ถูกล่าวหาที่ 3 เข้าเป็นคู่สัญญารับจ้างเหมาประกอบอาหารดังกล่าวนั้น มิใช่เป็นเพียงแค่การแสดงตนเข้าเป็นคู่สัญญาแทนผู้กล่าวหาที่ 2 และหรือผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 แต่เป็นการเข้าเป็นคู่สัญญารับจ้างเพื่อตนเอง ด้วยเพราะเป็นผู้มีอาชีพรับจ้างประกอบอาหาร
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง ว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า นายสมเจต หรือณัฐภาส สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นางสุนีย์ สลุงอยู่ ผูู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนางช้วน สลุงอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป