ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน 'บุญเลิศ โสภา' อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา-พวก 2 ราย ร่วมมือ 'นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์' ผอ.สนง. พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทุจริตเงินทอนวัดโคกขาม อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ สั่งริบทรัพย์สินรวม 5 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย เผยเป็นคดีแรก ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ อท.46/2567 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) โจทก์ นายบุญเลิศ โสภา อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา กับพวก คือ นายแก้ว ชิดตะขบ นักวิชาการศาสนาชำนาญพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ส่วนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ นางพรเพ็ญ กิตติธรทางกูร นักวิชาการศาสนาชำนาญการ รวม 3 คน เป็นจำเลย ในคดีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวกรวม 4 คน ทุจริตในการจัดสรรและอนุมัติงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ (คดีเงินทอนวัด) ในส่วนของวัดโคกขาม อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นคดีเงินทอนวัดคดีแรกที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง
โดยศาลฯ มีคำพิพากษาว่า นายบุญเลิศ โสภา จำเลยที่ 1, นายแก้ว ชิดตะขบ จำเลยที่ 2 และนางพรเพ็ญ กิตติธรทางกูร จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 (4) และพ.ร.ป.ป.ป.ช. ปี 2542 มาตรา 123/1 กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.ฯ มาตรา 123/1
จำคุกคนละ 5 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ 2 ปี 6 เดือน และให้ริบทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นอันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จากจำเลยทั้งสามจำนวน 5 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย
สำหรับคดีนี้ จำเลยทั้ง 3 ราย ร่วมกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทุจริตจัดสรรเงินงบประมาณให้กับวัดโคกขามโดยทุจริต ทั้งที่วัดดังกล่าวไม่ใช่วัดที่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ เมื่อวัดได้รับเงินแล้ว นายนพรัตน์ได้เรียกเงินคืนจากวัด 4.5 ล้านบาท ไปใช้ประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต
ขณะที่ นายนพรัตน์ หลบหนีไประหว่างถูกดำเนินคดี ปัจจุบันถูกออกหมายจับไว้แล้ว