‘กีรติ กิจมานะวัฒน์’ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เผยยอดผู้โดยสารปี 67 กลับมาแตะ 120 ล้านคนแน่นอน พบ ‘จีน-อินเดีย-อเมริกา’ แห่เที่ยวมากสุด ปลื้มโกยรายได้ 6 เดือนแรก 3 หมื่นล้าน เตรียมเปิดรันเวย์ 3 สุวรรณภูมิ ก.ย.นี้ ขณะที่การยึดคืนพื้นที่ดิวตี้ฟรีจากคิงเพาเวอร์ และการเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้าไม่สะเทือนรายได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า ปี 2567 เป็นปีสำคัญแห่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน ตัวเลขที่คาดการณ์ไว้สำหรับผู้โดยสารในปี 2567 นี้ อยู่ที่ 120 ล้านคน/ปี โดยใน 3 ไตรมาสแรกของปี ก็มีผู้โดยสารเข้ามาประเทศไทยแล้วประมาณ 80 ล้านคน/ปี จึงทำให้มั่นใจว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผู้โดยสารที่เข้ามาจะครบ 120 ล้านคน/ปีได้แน่นอน ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาก็ตั้งเป้าไว้ที่ 40 ล้านคน/ปี ก็ใกล้จะสำเร็จแล้วเช่นกัน
"ตรงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการรองรับการฟื้นตัวและการกลับมาของผู้โดยสาร ในหลายๆเช็กเตอร์ เช่น อินเดีย ยุโรป อเมริกา เดินทางเข้ามาเกินค่าเฉลี่ยเดิมที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2562 สะท้อนว่า อุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวกลับมาแล้ว ส่วนที่เหลือตั้งเป้าว่าจีนยังเป็นตลาดสำคัญ เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังอยู่ในระดับเพียง 65% ก็หวังว่าอีก 35% เราจะดึงกลับมาได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารในปีหน้า (2568) ทะลุ 140 ล้านคน/ปี ให้ได้" นายกีรติกล่าว
ส่วนรายได้ของ ทอท. ในช่วง 6 เดือนแรกของปี มีรายได้ในระดับเกิน 30,000 ล้านบาทแล้ว ก็มั่นใจว่าทั้งปีนี้ตัวเลขรายได้และผลกำไรจะเข้าเป้าตามที่ได้คาดไว้
@ก.ย. 67 อัพขีดความสามารถ 'สุวรรณภูมิ' แล้วเสร็จ
นายกีรติกล่าวต่อไปว่า ส่วนโครงการลงทุนของทอท. สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (Runway) ความยาว 4,000 เมตร และความกว้าง 60 เมตร วงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้ในเดือน ก.ย. 2567 นี้ และจากการที่เปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1:SAT 1) ตอนนี้มีปริมาณผู้โดยสารเกิน 120 เที่ยวบิน/วัน ไปแล้ว ตั้งเป้าใช้งานอาคาร SAT1 ต้องมากขึ้นที่ 250 เที่ยวบิน/วันภายในเดือน ก.ย. 67 นี้ นอกจากนั้นจะมีการติดตั้งช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Gate) เพิ่มเติมอีก ปัจจุบันมี 30 Gate ใน 2 เดือนนี้ จะติดตั้งเพิ่มอีกให้ได้ 80 Gate ซึ่งการเช็กอินผ่านระบบนี้จะใช้เวลาแค่ 20 วินาทีเท่านั้น
ขณะที่โครงการอื่นๆ ทอท.มีแผนพัฒนาออกแบบสนามบินดอนเมืองและสนามบินภูเก็ต โดยสนามบินดอนเมืองจะเป็นการออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (อาคาร 3 ) เพื่อให้รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพิ่มพื้นที่อีก 140,000 ตารางเมตร ซึ่งเนื้องานนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 มูลค่าลงทุนรวม 36,829.499 ล้านบาท ส่วนสนามบินภูเก็ต จะสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารให้ได้ 6 ล้านคน/ปี และยังมีแผนการปรับปรุงสนามบินเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้วย
@ยึดพื้นที่ 'คิง เพาเวอร์' ไม่ทำให้รายได้หาย
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของผู้ประกอบการ และพื้นที่ปฏิบัติงานของส่วนราชการบางส่วนในสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินภูเก็ต โดยมีการขอคืนพื้นที่จาก บจ.คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี คิดเป็นพื้นที่รวม 1,400 ตารางเมตร (สุวรรณภูมิ 1,000 และภูเก็ตอีก 400 ตารางเมตร) จะทำให้ ทอท.สูญเสียรายได้หรือไม่ นายกีรติกล่าวว่า คิดคร่าวๆ รายได้จะหายไปเดือนละ 90 ล้านบาท ตกปีละ 1,000 ล้านบาท แต่เมื่อรัฐบาลต้องการที่จะให้สนามบินของ ทอท.รองรับผู้โดยสารให้ได้ 80 ล้านคน/ปี การรับเอาพื้นที่ดังกล่าวมาไม่ใช่การถอยหลัง แต่เป็นการเดินหน้าที่จะทำให้รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นจาก 60 เป็น 80 ล้านคน/ปี
สิ่งที่คิดคือ เพิ่มพื้นที่พักคอยให้ผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ตลอดจนถึงการนำพื้นที่ที่ขอคืนมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำ Co-Working Space, พื้นที่ให้นมบุตร หรือสนามเด็กเล่น
"แน่นอน การเอาพื้นที่มาทำพื้นที่ส่วนกลาง กระทบรายได้ของ ทอท. แต่การขอคืนพื้นที่ให้ผู้โดยสาร ทอท.เคยทำเมื่อปี 2552 ดังนั้น ถ้ายังไม่มีพื้นที่เพิ่ม ก็ต้องเจียดเนื้อตัวเองให้ผู้โดยสาร อย่าลืมว่าอีก 20 ล้านคน/ปีที่เข้ามา ค่า PSC (ค่าบริการผู้โดยสารขาออก) คนละ 730 บาท ก็จะได้เพิ่มเข้ามาด้วย ในภาพรวม ทอท.ไม่น่าจะเสียรายได้ แต่จะกลายเป็นประสิทธิภาพที่ทำให้ได้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นด้วย" นายกีรติกล่าวอีกตอน
ทั้งนี้ การขอคืนพื้นที่จากคิงเพาเวอร์ เริ่มดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ส่วนจะต้องชดเชยรายได้ให้คิงเพาเวอร์หรือไม่ นายกีรติบอกว่า ในสัญญามีกลไกเงื่อนไขระบุไว้อยู่แล้วว่าการเพิ่มลดพื้นที่ต้องปรับผลตอบแทนตามสัญญาอย่างไร
@เลิกดิวตี้ฟรีขาเข้าไม่กระทบรายได้ ทอท.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการยกเลิกร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) สำหรับเที่ยวบินขาเข้า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 67 ที่ผ่านมานั้น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของทอท.กล่าวว่า ทอท.จะทำตามมติ ครม. โดยจะดึงพื้นที่กลับมาให้บริการผู้โดยสาร แต่พื้นที่ดิวตี้ฟรีขาเข้าไม่ได้มีเยอะ คิดเป็น 10% ของสัญญทั้งหมด จึงไม่ได้กระทบรายได้ของ ทอท. อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ พื้นที่ที่เอากลับมา จะไม่ได้นำไปหารายได้ต่อ แต่จะเอามาใช้ในการบริการผู้โดยสารทั้งหมด