องค์กรสิทธิฯชี้ทางการไทยส่อละเมิดกฎหมายไทย-ระหว่างประเทศ หากส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับเวียดนาม ประณามไทยควบคุมตัวผู้ลี้ภัยถูกตั้งข้อหาเอี่ยวโจมตีสถานที่ราชการอย่างไม่เป็นธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยอ้างอิงข่าวสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย สหรัฐอเมริกา ว่าแนวร่วมด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ออกมากล่าวว่าประเทศไทยเสี่ยงที่จะดำเนินการละเมิดพันธกรณีภายใต้กฎหมายภายในประเทศและระหว่างประเทศ ถ้าหากประเทศไทยตัดสินใจส่งตัวนายวาย ควินห์ บีแดป (Y Quynh Bdap) นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกลับประเทศเวียดนาม
นายบีแดป สมาชิกชนกลุ่มน้อยในที่ราบสูงตอนกลางของเวียดนาม คาดว่าจะต้องเข้าสู่การพิจารณาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ศาลอาญาในกรุงเทพ ในวันที่ 15 ก.ค.
เมื่อปีที่แล้ว ทางการเวียดนามได้ตัดสินลับหลัง ให้นายบีแดปต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี อ้างว่าเขาเกี่ยวข้องกับการโจมตีในปี 2566 โดยเป็นการโจมตีสํานักงานใหญ่หน่วยงานสาธารณะสองแห่งในจังหวัดดั๊กลัก ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย อย่างไรก็ตามในช่วงนั้นนายบีแดปเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และเขาได้รับสถานะผู้ลี้ภัยตั้งแต่ปี 2561 แล้ว
พื้นที่ที่เกิดการโจมตีเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองประมาณ 30 เผ่าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกี่ยวกับความขัดแย้งกับคนส่วนใหญ่ของเวียดนาม และพวกเขาอ้างว่าถูกเลือกปฏิบัติและถูกข่มเหง
ชนเผ่าเหล่านี้ถูกเรียกว่ามงตาญญาร์' (Montagnard) มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า 'ชาวเขา' และส่วนมากแล้วมักจะเป็นชาวคริสเตียน แต่เวียดนามปฏิเสธจะใช้คำเหล่านี้
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หรือประมาณ 1 ปีหลังเหตุโจมตี ตำรวจไทยได้จับกุมนายบีแดป อีกทั้งวันที่มีการจับกุม ยังอยู่ในช่วง 1 วันหลังจากที่นายบีแดปไปพบกับนักการทูตจากแคนาดาเพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานที่แคนาดาในฐานะผู้ลี้ภัย
ต่อมาในวันที่ 4 ก.ค. องค์กรชื่อว่าหอสังเกตการณ์เพื่อการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (Observatory for the Protection of Human Rights Defenders) ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือกับองค์การทรมานโลก และสหพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อสิทธิมนุษยชน (World Organization Against Torture and the International Federation for Human Rights) เรียกร้องให้มีการแทรกแซงคดีของนายบีแดปโดยเร็ว
“ประเทศไทยจะ "ละเมิดพันธกรณีภายใต้กฎหมายภายในประเทศและสนธิสัญญาระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการไม่ส่งกลับ (non-refoulement) ที่บัญญัติไว้ในข้อ 3 ของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายของประเทศไทย” องค์กรระบุ
ทางองค์กรหอสังเกตการณ์ฯ ยังได้อ้างถึงกฎหมายตัวใหม่ของไทยว่ามีผลไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 2566 ระบุว่าห้ามส่งตัวบุคคลกลับไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเผชิญกับการทรมานการปฏิบัติที่โหดร้ายและการบังคับบุคคลให้สูญหายอย่างชัดเจน และย้ำว่าการส่งตัวนายบีแดปจะเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ซึ่งประเทศไทยให้สัตยาบันและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567
องค์กรหอสังเกตกการณ์ประณามการควบคุมตัวนายบีแดปโดยพลการของไทย และกล่าวต่อไปว่าไทยมีเป้าหมายเพื่อลงโทษเขาสําหรับกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนที่ชอบด้วยกฎหมาย และยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวเขาทันทีและไม่มีเงื่อนไข
ทางสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียได้มีการส่งอีเมลไปถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติของไทย เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับการเรียกร้องดังกล่าวของแนวร่วมด้านสิทธิมนุษยชน แต่ไม่ได้รับการตอบกลับในเวลาที่มีการลงข่าวนี้ (8 ก.ค.)
เรียบเรียงจาก:https://www.rfa.org/english/news/vietnam/y-quynh-bdap-montagnard-extradition-thailand-07082024162634.html