นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. พิจารณาวาระเห็นชอบคำสั่งบิ๊กโจ๊กออกจากราชการไ ขณะ พล.ต.อ.วินัย อดีต ผบ.ตร.เผย สุดท้ายต้อง กก.พิทักษ์ระบบคุณธรรมชี้ขาดคำสั่งขณะนายกฯ ไม่ตอบ วันนี้ไหวหรือไม่ ล่าสุดผลประชุมออกแล้วให้ดำเนินการตามคำสั่งรักษาการ ผบ.ตร. ปลดบิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อน ด้วยคะแนน 12 ต่อ 0 เสียง ขณะเลขาฯ แจงต้องให้ ก.พ.ค.ตร.ชี้ขาดคำสั่ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งผลการประชุมออกมาในช่วงเย็นระบุว่าเห็นชอบให้ดำเนินการตามอนุ ก.ตร.วินัย เพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน ด้วยคะแนนเสียง 12 ต่อ 0 เสียง
สำหรับการประชุม ก.ตร.ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เวลาเวลา 15.00 น. มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2567 วาระที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด การหารือและพิจารณาการปฏิบัติเกี่ยวกับงานบริหารบุคคลของ ตร. โดยที่ข้อ 1.1 เป็นคำสั่ง 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 แต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ และ 12.2 กรณีคำสั่ง 178/2567 ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งการประชุมมีผลต่อการกลับหรือไม่ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.นั้น อาจส่อเค้าวุ่นเนื่องจากที่ประชุม ก.ตร.ประกอบด้วยคณะกรรมการ 16 คน ที่มี นายเศรษฐา เป็นประธาน
โดยถ้า ก.ตร.เห็นต่างจาก อนุ ก.ตร.วินัย ลงมติว่าคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปลี่ยนแปลงคำสั่ง และรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับเข้าราชการทันที และมีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย.256 ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถใช้สิทธิ์ฟ้องต่อศาลปกครองได้เกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าวได้
ส่วนกรรมการประกอบด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร.รรท.รองผบ.ตร. ส่วนก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ รองศาตราจารย์ประทิต สันติประภพ ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ โดยตำแหน่ง นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการก.พ. และน.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
แต่ปรากฏว่า นายฉัตรชัย และ พล.ต.ท.ประจวบ ติดภารกิจต่างประเทศ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. มีสถานภาพป็นคู่ขัดแย้งเข้าร่วมประชุมไม่ได้ เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร ที่เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนคดีเว็บพนันและเกี่ยวพันกับการออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็จะถูกตัดสิทธิ์ประชุมเช่นกัน ส่วน พล.ต.อ.วินัย และ พล.ต.อ.เอก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ยังก้ำกึ่งเนื่องจาก พล.ต.อ.วินัย เพิ่งถูกฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ฐานหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ส่วน พล.ต.อ.เอก มีแนวโน้มว่าอาจถูกฟ้องสัปดาห์หน้า เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการ ก.ตร. ที่เหลือจะต้องลงมติกันว่า มีการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ทั้งคู่ร่วมประชุมและออกเสียงในมติร้อนดังกล่าวได้หรือไม่ ถ้าให้องค์ประชุมครบ 10 คน แต่ถ้าเห็นว่าที่ประชุมเห็นว่ามีส่วนได้เสียไม่อนุญาตให้พล.ต.อ.เอก และพล.ต.อ.วินัย เข้าจะเหลือองค์ประชุมแค่ 8 คน
พล.ต.อ.วินัย กล่าวก่อนการประชุม ก.ตร.กรณีถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาท ว่าไม่หนักใจกรณีถูกฟ้องมองว่าเป็นเรื่องที่ตนจะนำหลักฐานต่างๆ เข้าสู้ขบวนการยุติธรรมได้ซึ่งตนถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนายกรัฐมนตรีตรวจสอบเรื่องหนังสือร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ตรวจสอบคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขณะดำรงตำแหน่งรรท.ผบ.ตร. ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่าไม่ถูกต้องโดยอนุกรรมการตรวจสอบวินัยมีทั้งหมด 19 คน มีมติเสียงส่วนใหญ่ว่าการดำเนินการของรรท.ผบ.ตร.ขณะนั้นถูกต้องตามกฎหมายโดยมีเพียง 1 เสียงที่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินสายฟ้อง ก.ตร. หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาเชื่อว่าเป็นการฟ้องปิดปาก และตัดสิทธิ์การลงมติในที่ประชุมกรณีให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
พล.ต.อ.วินัย กล่าวอีกว่า ไม่ว่าผล ก.ตร. จะชี้ออกมาแนวทางไหน สุดท้ายเป็นเพียงเรื่องการบริหารงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)แต่ผลสิ้นสุดอยู่ที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)จะชี้ขาดว่าคำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกราชการไว้ก่อนนั้นชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวกระแสหลักยังได้พยายามสอบถามนายเศรษฐา ซึ่งมาร่วมประชุมในเวลา 14.57 น. โดยถามว่าวันนี้ไหวหรือไม่กับการประชุม ก.ตร.นายเศรษฐา ไม่ได้ตอบ แต่หันมายิ้ม และชู 2 นิ้ว ให้กับสื่อมวลชน ก่อนจะเดินทางขึ้นไปประชุม ก.ตร.
ต่อมาในช่วงเย็นมีรายงานว่าหลังจากการประชุมเป็นเวลา 3 ชั่วโมง โดยมีวาระสำคัญคือการโหวตเรื่อง พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. เสนอผลการประชุม อนุ ก.ตร.พิจารณาวินัย มีความเห็นชอบกับคำสั่ง พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หัออกจากราชการไว้ก่อน เสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร.
โดยมีการถกเถียงประเด็นดังกล่าว จนในที่สุดนายกฯให้โหวตลงความคิดเห็นของ ก.ตร. ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ 12 ต่อ 0 ให้ความเห็นชอบกับคำสั่งของ รรท.ผบตร. ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ก่อนหน้านี้แล้ว
ขณะที่ พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า สำหรับกรณีที่การพิจารณายกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการดังกล่าวนั้นไม่อยู่ในอำนาจของ ก.ตร.แต่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ที่ประชุมจึงมีมติพร้อมทั้งผู้ที่ร้องได้ใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดต่อองค์กรดังกล่าวแล้วจึงให้ผู้ร้องรอการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.ต่อไป
“ที่ประชุมมีมติเห็นชอบและไม่มีผู้คัดค้าน โดยในที่ประชุม ก.ตร.มาประชุมทั้งหมด 13 ท่านจาก 15 ท่าน มี 2 ท่าน ลาการประชุมและไปราชการ โดยอยู่ในการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติ 12 ท่าน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้านที่ประชุมจึงถือว่าให้ความเห็นชอบต่อการประชุม” พล.ต.ท.อนุชา กล่าว
พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า การดำเนินการในส่วนของกรณีที่มีผู้ที่คัดค้านหรือกรณีที่คณะกรรมการท่านใดที่เห็นว่าตนมีสภาพที่ทำให้การพิจารณาไม่เป็นกลางได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองทุกประการ ทั้งนี้มติที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นชอบว่าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้ว โดยคณะอนุฯ ก.ตร.มี 19 ท่าน ไม่ได้อยู่ในปฎิบัติหน้า ที่มีประชุมและอยู่ลงมติ 15 ท่าน โดยมีมติเห็นชอบด้วย 14 ท่าน
สำหรับ ก.พ.ค.ตร. จะมีระยะเวลาพิจารณาตามที่กฎหมายกำหนดใน 120 วัน และขอขยายได้อีก 2 ครั้ง ขณะนี้อยู่ในระหว่าง 120 วันแรก น่าเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในกำหนด
พล.ต.ท.อนุชา กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งและมีการร้องขอให้ก.ตร.ในฐานะองค์กรที่มีมีอำนาจกำกับดูแลเรื่องการบริหารงานบุคคลพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ และมีการมอบหมายให้อนุฯ ก.ตร. วินัยพิจารณาและเสนอ ซึ่งอนุฯ ก.ตร.พิจารณา 2 ครั้ง แล้วเสนอขึ้นมาโดยมีความเห็นว่าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว และก.ตร.ก็มีมติโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน คือเห็นชอบตามที่อนุฯ ก.ตร.วินัยเสนอ ดังนั้นการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่องการบริหารงานบุคคลทั้ง 2 คำสั่ง ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว ส่วนมติในที่ประชุมหากพิจารณาแล้วเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ทั้งผู้ร้อง หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ถ้าพิจารณาแล้วเกี่ยวข้องจะส่งมติไปให้ทุกหน่วย
พล.ต.ท.อนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ของประธานก.ตร. และดำการให้ที่ประชุมได้มีการอภิปราย อย่างครบถ้วนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้ยึดถือตามกฎหมายและระเบียบ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมาจนกระทั่งถึงกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
ส่วนเรื่องการเพิกถอนคำสั่ง คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง การเพิกถอนคำสั่งในชั้นของฝ่ายบริหารอยู่ในอำนาจของก.พ.ค.ตร. ในชั้นของตุลาการอยู่ในอำนาจของศาล
สำหรับบรรยากาศในการประชุม ก.ตร. ทั้งหมดมีจำนวน 15 คน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รรท.รองผบ.ตร. ลาประชุม ทำให้ที่ประชุมเหลือเพียง 13 คน ขณะพิจารณาวาระของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดย พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินออกจากห้องประชุม เนื่องจากเป็นผู้ที่ลงนามในคำสั่งถือว่ามีส่วนได้เสีย ทำให้เหลือ ก.ตร. 12 คน โดยมี 1.นายเศรษฐา ในฐานะประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการก.พ. 4.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 5.พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. 6.พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. 7.พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. 8.นายประทิต สันติประภพ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 9.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 10.นายศุภชัย ยาวะประภาษ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 11.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 12.พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ
ทั้งนี้มีรายงานว่าก่อนการประชุมพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เรียกรอง ผบ.ตร.ทุกคนมาพูดคุยกันนอกรอบที่ห้องรับรองคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ บริเวณชั้น 1 อาคาร 1 ตร. จากนั้นเวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงโดยก่อนเริ่มการประชุมนายกฯ ได้เรียก พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าพบที่ห้องรับรองพรหมนอก
ต่อมาเวลา 17.45 น. นายกฯ เดินทางกลับ แจ้งว่าให้เลขานุการที่ประชุม ก.ตร.แถลงผลการประชุม โดยมีพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เดินลงมาส่งและแจ้งว่าการประชุมยังไม่เสร็จ