เหตุเกิดที่เชียงใหม่! ปปง.ตามอายัดเงินได้ 7 บัญชี 7.3 แสน คดีหญิงสาว ‘ปัญจรัศม์ บัวดี’ กับพวก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกผู้เสียหาย อ้างจากค่ายมือถือจะคืนค่าโทรศัพท์รายเดือน ขอรหัส OTP เสร็จเอาไปทำธุรกรรมสูญ 2.3 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.89 /2567 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว คดีนางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญาหรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยแอบอ้างว่าโทรจากคอลเซ็นเตอร์ดีแทค แล้วขอรหัส OTP (one time password) จากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเพื่อจะส่งรายการคืนเงินค่าใช้โทรศัพท์รายเดือน จากนั้นได้นำรหัสดังกล่าวข้างต้นไปทำธุรกรรมทางการเงินของผู้เสียหายจนเกิดความเสียหายเป็นเงินจำนวน 2,295,000 บาท ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ที่ สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ทรัพย์สินที่ถูกอายัดเป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ในชื่อบุคคล จำนวน 6 คน รวม 7 บัญชีเป็นเงินรวม 735,919.90 บาท
@ ที่มาคดี สตช.รายงาน ปปง.
คำสั่งอายัดทรัพย์สินระบุที่มาของคดีดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ตามหนังสือ ที่ ตช.0066(ศปอส.ตร.)/23041 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2565 เรื่อง ขอให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกรณีคดีความผิดกลุ่มคดีออนไลน์ (หลอกลวงผ่าน Call Center) รายคดีนางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญาหรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กล่าวคือ
@ หลอกเหยื่ออ้างคอลเซ็นเตอร์ดีแทค
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ผู้กระทำความผิดได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 062-834-2203 โทรหาผู้เสียหายผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 081-568-7654 แอบอ้างว่าโทรจากคอลเซ็นเตอร์ดีแทค แล้วขอรหัส OTP (one time password) จากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเพื่อจะส่งรายการคืนเงินค่าใช้โทรศัพท์รายเดือน จากนั้นผู้กระทำความผิดได้นำรหัสดังกล่าวข้างต้นไปทำธุรกรรมทางการเงินของผู้เสียหายจนเกิดความเสียหายเป็นเงินจำนวน 2,295,000 บาท
@ ผู้เสียหายแจ้งความ สภ.แม่โจ้
คดีนี้สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ รับไว้เป็นคดีอาญาที่ 266/2565 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตโดยการหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบและใช้บัตรของผู้อื่นโดยมิชอบ ในชั้นพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ได้ฟ้องฐานความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่จะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีไว้เพื่อใช้ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกดเงินสดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
@ ศาลจ.เชียงใหม่พิพากษากระทำผิดร่วมลักทรัพย์
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ1051/2565 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ1440/2566 ได้มีคำพิพากษาว่านางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีไว้เพื่อใช้ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกดเงินสดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ลงโทษจำคุก
นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้เคยถูกจับกุมและดำเนินคดีอาญาของนางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก จากฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 3 กองทะเบียนประวัติอาชญากร พบว่านางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก ได้หลอกลวงประชาชนในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายรายทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2565 กรณีจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และ ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่านางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 13/2565 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 คณะกรรมการธุรกรรมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดรายนางสาวปัญจรัศมั บัวดี กับพวก และบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ตามคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามคำสั่ง ลับ ที่ ม.30/2566 ลงวันที่ 9 มกราคม 2566 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดรายนางสาวบัญจรัศมั บัวดี กับพวก คำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินลับ ที่ ม.492/2566 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2566 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) รายนางสาวปัญจรัศมั บัวดี กับพวก และคำสั่งเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน ลับ ที่ ม.120/2567 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม)รายนางสาวปัญจรัศมั บัวดี กับพวก และคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 มีมติให้เพิ่มความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์และการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว
ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่านางสาวปัญจรัศม์ บัวดี กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฎว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 7 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวปัญจรัศมั บัวดี กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวคณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์ 7 รายการ พร้อมดอกผลไม่เกิน 90 วัน