ป.ป.ช.เผยมติตีตกคดี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ช่วงดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ร่ำรวยผิดปกติ ปมที่ดินตั้ง "สมถวิลรีสอร์ต" จำนวน 3 แปลง หลังกรรมการเสียงข้างมาก เห็นชอบตามความเห็นคณะอนุฯ ไต่สวน ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหา พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คดีร่ำรวยผิดปกติในส่วนที่ดินสถานที่ตั้ง "สมถวิลรีสอร์ต" จำนวน 3 แปลง
โดยกรรมการ ป.ป.ช.ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 8 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวนว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ข้อกล่าวหาโดยสรุปว่า จากการตรวจสอบรายการที่ดินแปลงที่มีการกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติพบว่า เป็นสถานที่ตั้ง "สมถวิลรีสอร์ต" ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินจำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย
(1) ที่ดินโฉนดเลขที่ 27976 เลขที่ดิน 155 หน้าสำรวจ 1726 ตำบลบางพลีน้อยอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 15 ตารางวา ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ระหว่างนายอวยชัย ศรีแดง (ผู้ขาย) กับนางสาวนวพร วงษ์สุวรรณ (โดยนายนครรัฐ ปริปุณนานนท์ แทน) (ผู้ซื้อ) ตกลงซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวข้างต้นในราคา 1,650,000 บาท (หนึ่งล้านหกแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)
(2) ที่ดินโฉนดเลขที่ 31504 เลขที่ดิน 189 หน้าสำรวจ 2078 ตำบลบางพลีน้อยอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ มีการดำเนินการรับโอนกรรมสิทธิ์รวมและทำสัญญาซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วน 2 ขั้นตอน ดังนี้
1) ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงกรรมสิทธิ์รวม ในที่ดินแปลงดังกล่าวข้างต้น ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 ระหว่าง พันตำรวจโท พิทักษ์ศรีแดง ผู้ถือกรรมสิทธิ์ กับว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง พัชรา วงษ์สุวรรณ (โดยนายสรพงษ์ นาคะโยตี แทน) ผู้ขอถือกรรมสิทธิ์รวม โดยตกลงกันยินยอมให้ว่าที่ร้อยตรีหญิง พัชรา วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม 1 ส่วนใน 2 ส่วน โดยมีการตกลงให้ค่าตอบแทนแก่พันตำรวจโท พิทักษ์ ศรีแดง เป็นจำนวนเงิน 2,666,775 บาท (สองล้านหกแสนหกหมื่นหกพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน)
2) ทำหนังสือสัญญาขายที่ดินเฉพาะส่วน เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550 ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ระหว่างพันตำรวจโท พิทักษ์ ศรีแดง (ผู้ขาย) กับนางสาวนวพร วงษ์สุวรรณ (โดยนายสรพงษ์ นาคะโยคี แทน) (ผู้ซื้อ) ตกลงซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนในที่ดินแปลงดังกล่าวข้างต้น ด้วยเงินสดในราคา 2,666,775 บาท (สองล้านหกแสนหกหมื่นหกพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน)
ทั้งนี้ จากหลักฐานดังกล่าวข้างต้น ปรากฏว่าพันตำรวจโท พิทักษ์ ศรีแดง ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเลขที่ 31504 เลขที่ดิน 189 ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา ได้รับเงินจากการโอนกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน และจากการขายที่ดินเฉพาะส่วน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 5,333,550 บาท (ห้าล้านสามแสนสามหมื่นสามพันห้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน)
(3) ที่ดินโฉนดเลขที่ 27975 เลขที่ดิน 154 หน้าสำรวจ 1725 ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 3 ไร่ - งาน 97 ตารางวา ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2552 ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ระหว่างพันตำรวจโทพิทักษ์ ศรีแดง (ผู้ขาย) กับ 1. ว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง พัชรา วงษ์สุวรรณ 2. นางสาวนวพร วงษ์สุวรรณ (โดยนางประกายมาศ เตชะเกรียงไกร แทน) (ผู้ซื้อ) ได้ตกลงซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวข้างต้นเป็นเงินสดในราคา 3,500,000 บาท (สามล้านห้าแสนบาทถ้วน)
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนางสาวนวพร วงษ์สุวรรณ และว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง พัชรา วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นบุตรสาวที่บรรลุนิติภาวะแล้วของผู้ถูกกล่าวหา เป็นผู้ซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,483,550 บาท (สิบล้านสี่แสนแปดหมื่นสามพันห้าร้อยห้าสิบบาท) โดยทุกแปลงซื้อเป็นเงินสด เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ของบุตรทั้งสองของผู้ถูกกล่าวหาจากการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษี 2549 ถึงปี ภาษี 2553 พบว่านางสาวนวพร วงษ์สุวรรณ ไม่ปรากฏหลักฐานการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2549 ถึงปีภาษี 2553 แต่อย่างใด ส่วนร้อยตำรวจเอกหญิง พัชรา วงษ์สุวรรณ นั้น พบว่ายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) ไว้เพียง 2 ปีภาษี กล่าวคือ ปีภาษี 2551 และปีภาษี 2552 โดยมีเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายจำนวนรวม 179,520 บาท และ 202,910 บาทตามลำดับ ส่วนปีภาษี 2549 ปีภาษี 2550 และปีภาษี 2553 ไม่ปรากฏหลักฐานการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใด และไม่พบข้อมูลในการซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลง ดังกล่าวของบุตรทั้งสองว่ามีการกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินมาซื้อ เนื่องจากไม่มีการจดทะเบียนจำนองไว้กับบุคคลหรือนิติบุคคลรายใด
สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่ก่อสร้างอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 27976 เลขที่ดิน 155 หน้าสำรวจ 1726 โฉนดเลขที่ 31504 เลขที่ดิน 189 หน้าสำรวจ 2078 และโฉนดเลขที่ 27975 เลขที่ดิน 154 หน้าสำรวจ 1725 ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ที่เป็นสถานที่ตั้งของสมถวิล รีสอร์ต พบว่า สิ่งปลูกสร้างมีการจัดสร้างเป็นหลัง ๆ ติดกัน วัสดุทำด้วยไม้ทั้งหลัง ซึ่งส่วนใหญ่สร้างจากไม้สัก ประกอบกับการขออนุญาตก่อสร้างอาคารบนที่ดินทั้ง 3 แปลงดังกล่าวที่บุตรของผู้ถูกกล่าวหายื่นขออนุญาต กับองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีน้อย ในขณะนั้น พบว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างอาคารลักษณะเป็นบ้านไม้ ใต้ถุนสูง บ้านไม้ไต้ถุนเตี้ย บ้านไม้ชั้นเดียว บ้านไม้ชั้นเดียว (ใต้ถุนเตี้ย) บ้านไม้ใต้ถุนสูง บ้านพักอาศัย (ใต้ถุนเตี้ย) และบ้านไม้ใต้ถุนสูง/ชุดเรือนไทย รวมทั้งสิ้น 53 หลัง ซึ่งต้องใช้เงินทุนในการก่อสร้างที่สูงมาก โดยบุตรสาวทั้งสองของผู้ถูกกล่าวหามิอาจดำเนินการจัดซื้อที่ดินและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินได้ด้วยตนเอง
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่าพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าร่ำรวยผิดปกติตามที่ได้มีการกล่าวหามาแต่อย่างใดเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
ที่ประชุม ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว ลงคะแนนเสียงแยกเป็นสองฝ่าย ดังนี้
ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 8 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวนว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
ฝ่ายเสียงข้างน้อย ได้แก่ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ในขณะนั้น เห็นว่าราคาไม้ตามรายงานผลการตรวจพิสูจน์ของกรมป่าไม้ ว่าราคาลูกบาศก์เมตรละ 4,500 บาท นั้น น่าจะเป็นการตีราคาที่ผิดพลาด ที่ถูกต้องน้่าจะเป็นลูกบาศก์ฟุตละ 4,500 บาท นั้น จึงควรไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้ชัดเจนก่อนว่าราคาที่แท้จริงควรเป็นเท่าใด แล้วดำเนินการไต่สวนตามรูปสำนวนต่อไป
ประธานฯ จึงสรุปว่าการลงคะแนนเสียงเพื่อมีมติของที่ประชุมในเรื่องนี้ ต้องยึดถือตามความเห็นของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 8 เสียง ซึ่งเป็นเสียงข้างมากของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่กล่าวหา
ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป