‘สุริยะ’ เล็งตีกลับ ‘ทางด่วนกะทู้ - ป่าตอง จ.ภูเก็ต’ สั่ง ‘กทพ.’ ศึกษาใหม่ แยกอุโมงค์ทางด่วนรองรับมอเตอร์ไซค์ออกมาอีกช่องหนึ่ง หลังประเมินหวั่นเกิดอุบัติเหตุหากให้วิ่งร่วมกับรถยนต์ ผู้ว่าการทางฯรับทราบ ใช้เวลาปรับแบบ-ศึกษา EIA ประมาณ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการทางพิเศษช่วงกะทู้ - ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. วงเงินโครงการ 16,190 ล้านบาท
หลังจากที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มีมติเมื่อเดือน พ.ย. 2566 ปรับรูปแบบโครงการ โดยดึงงานก่อสร้างโยธาของโครงการมาทำเอง ส่วนงานบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) จะศึกษารวมในโครงการระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ซึ่งจะใช้รูปแบบ PPP ร่วมลงทุนงานโยธาโครงการระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30 กม. และการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทั้ง 2 ระยะ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนหลักการ มติครม.เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 ที่ให้รวบทั้งสองแผนงานในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุน (PPP)
เบื้องต้น กทพ.ได้ส่งหนังสือมาถึงกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่มีแนวคิดว่าจะให้กลับไปทบทวนก่อน เนื่องจากประเมินว่า จากที่เสนอมาเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนการก่อสร้างมีราคาแพง ประกอบกับความมั่นใจของสภาพดินหินจะแข็งแรงพอหรือไม่ เพราะตอนจ้างที่ปรึกษาศึกษานั้น ยังมีข้อมูลกลับมาพิจารณาน้อยเกินไป จึงให้กลับไปพิจารณาทบทวนกลับมาใหม่ เพื่อให้ค่าก่อสร้างมีความสมเหตุสมผล โดยให้กลับไปศึกษาทบทวนและส่งกลับมาให้เร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบันโครงการทางพิเศษกะทู้ - ป่าตอง อยู่ระหว่างการประสานงานระหว่างกระทรวงคมนาคมและ กทพ. ในการส่งเรื่องดังกล่าวกลับมาให้ กทพ. ทบทวนใหม่ โดยนอกจากประเด็นที่รัฐมนตรีระบุแล้ว ยังมีประเด็นที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ให้ความเห็นว่า รูปแบบอุโมงค์ที่มีช่องทางรถจักรยานยนต์ภายใน ซึ่งเป็นอุโมงค์เดียวกันกับรถยนต์ อาจจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ โดย สนข.เสนอให้ทบทวนรูปแบบและขนาดอุโมงค์ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับรูปแบบอุโมงค์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 17 เมตร มีความกว้างเกินไป โดยมีการเสนอให้ปรับขนาดอุโมงค์ให้เล็กลง แต่ยังไม่ระบุชัดว่า ต้องเล็กเท่าไหร่ ต้องรอการพิจารณาทบทวนอีกครั้ง
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
@ปรับแบบ 3 อุโมงค์ รองรับมอเตอร์ไซต์
ด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กทพ.รับทราบนโยบายของรมว.คมนาคมแล้ว ในการปรับแบบและ ลดขนาดอุโมงค์ ลดค่าก่อสร้างและเพิ่มความปลอดภัยโดยแยกอุโมงค์รถจักรยานยนต์ออกมาอีก1 อุโมงค์ เท่ากับจะปรับแบบ จาก 2 อุโมงค์ เป็น 3 อุโมงค์ เป็นอุโมงค์สำหรับรถยนต์ 2 อุโมงค์ มีการปรับลดจากเส้นผ่าศูนย์กลาง 17 เมตร เป็น 9 เมตร และอุโมงค์สำหรับรถจักรยานยนต์ 1 อุโมงค์ เบื้องต้น ประเมินเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร
ผู้ว่าฯกทพ.กล่าวว่า ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง เส้นทางนี้ จำเป็นต้องให้รถจักรยานยนต์ใช้ได้ด้วย เพราะจะมีความปลอดภัยมากกว่า ถนนปกติที่เป็นทางลงเขา ซึ่งกรณีการแยกอุโมงค์สำหรับรถจักรยานยนต์ออกมาเฉพาะ ในเชิงความปลอดภัยก็ทำได้ จากเดิมที่ออกแบบให้รถจักรยานยนต์ใช้อุโมงค์เดียวกับรถยนต์ ก็ได้คำนึงถึงความปลอดภัย มีการแบ่งแยกช่องจราจรอย่างชัดเจนอยู่แล้ว อีกทั้งประเมินกรณีเกิดอุบัติเหตุภายในอุโมงค์ รถยนต์จะมีความร้ายแรงมากกว่าเพราะขนาดถังน้ำมันใหญ่กว่า ส่วนรถจักรยานยนต์ จะเป็นประเด็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ขับขี่เองมากกว่า
อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงฯ ส่งเรื่องกลับมาให้กทพ. จะเร่งดำเนินการศึกษาปรับแบบและรวมถึงศึกษาเปลี่ยนแปลงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่( EIA) โดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาปรับแบบ ประมาณ 1 ปี
สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)