เอสซีจีแจ้ง ตลท. ยืนยันยุติการนำเข้าเม็ดพลาสติกจากอิหร่านตั้งแต่ปี 61 แล้ว ยอมรับจ่ายค่าปรับ 739 ล.ให้ทางการสหรัฐฯ ยุติดำเนินคดีละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 22 เม.ย. บริษัทบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (หรือ "SCC") ได้มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่อง รายงานเหตุการณ์กรณีบริษัทเอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด
โดยมีเนื้อหาว่า
ตามที่ปรากฏข่าวกรณีรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สั่งปรับบริษัทเอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ฐานละเมิดกุฎหมายคว่ำบาตรอิหร่านจากการโอนเงินดอลล่าร์สหรัฐชำระค่าสินค้าที่ผลิตในอิหร่าน ช่วงปี พ.ศ. 2560 ถึง พ.ศ. 2561 นั้น
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (หรือ "SCC") ขอเรียนให้ทราบดังนี้
1. บริษัทเอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด (หรือ "SCG Plastics" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCC (ปัจจุบันอยู่ระหว่างชำระบัญชี) เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ขายเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีน (PE) ที่ผลิตจากบริษัทที่เอสซีจีร่วมทุนในอิหร่าน ซึ่ง SCG Plastics ได้ขาย PE ที่ผลิตจากบริษัทร่วมทุนนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยได้ใช้หลายสกุลเงินในการค้าขายตามความต้องการของลูกค้าซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจตามปกติของอุตสาหกรรมนี้ และช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของอิหร่าน
2. ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 SCG Plastics ได้หยุดการขาย PE ที่ผลิตในอิหร่านหลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของอิหร่าน และกลับมาขายอีกครั้งเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศผ่อนผันการคว่ำบาตรดังกล่าวในปี พ.ศ. 2557 จากความไม่แน่นอนในสถานการณ์การคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่าน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561
SCG Plastics ได้ยุติการขาย PE จากบริษัทร่วมทุนอย่างถาวร หลังจากที่บริษัทในเอสซีจีหยุดดำเนินการกับบริษัทร่วมทุนนั้นและสินทรัพย์ดังกล่าวได้ถูกจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา
3. ต่อมาสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (หรือ "OFAC" เข้าตรวจสอบการขาย PE ของ SCG Plastics ที่ค้าขายช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 ถึง เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ ซึ่ง SCG Plastics ได้ให้ความร่วมมือกับทางราชการของสหรัฐฯ เป็นอย่างดี เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจสอบ OFAC เห็นว่ามีการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
แม้การขายสินค้าดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลสัญชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการคว่ำบาตร แต่มีการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในการขายสินค้าที่ผลิตจากอิหร่านในช่วงดังกล่าวทำให้สถาบันการเงินซึ่งเป็นบุคคลสหรัฐมีส่วนร่วมในการชำระเงินด้วย ส่วนการค้าขายด้วยสกุลเงินอื่นไม่ได้ละเมิดมาตรการดังกล่าว
4. OFAC เห็นว่า SCG Plastics ได้ให้ความร่วมมือกับ OFAC ในการตรวจสอบอย่างเต็มที่ รวมถึงได้ออกนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต OFAC จึงได้เสนอให้ SCG Plastics ทำ SettlementAgreement โดยให้ SCG Plastics จ่ายเงินคำประนอมยอมความให้กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (739,380,000 บาท) ซึ่งจะส่งผลให้ OFAC ยุติการพิจารณาข้อหาดังกล่าว ทั้งนี้ การจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2567 ของเอสซีจี เนื่องจากได้ตั้งสำรองในงบการเงินสิ้นปี พ.ศ. 2566 เรียบร้อยแล้ว