ครม.เห็นชอบปรับปรุงถ้อยคำ 'มติ ครม.' แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร หลังบังคับใช้มาแล้ว 17 ปี เปิดทาง ‘ธ.ก.ส.’ ฟ้องลูกหนี้ ก่อน ‘คดีขาดอายุความ’ ให้ ‘บังคับคดี’ ได้ หากเจรจาแก้ไขหนี้ไม่สำเร็จ
....................................
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2550 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงตามเจตนารมณ์ของมติ ครม.ดังกล่าว โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส. มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน และป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส.
สำหรับการปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำของมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2550 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร สรุปได้ ดังนี้
1.ให้ ธ.ก.ส. สหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานภายใต้ ธ.ก.ส. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของเกษตรกร ดำเนินการ ดังนี้
1.1 เรื่องที่ยังมิได้มีการฟ้องร้อง ให้ชะลอการฟ้องร้องไว้ก่อน เว้นแต่กรณีหนี้นั้นจะขาดอายุความฟ้องร้อง หรือไม่สามารถแก้ไขเพื่อมิให้หนี้ขาดอายุความโดยวิธีอื่นใดได้
1.2 เรื่องที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีและคดีถึงที่สุดแล้วให้ชะลอการบังคับคดีไว้ก่อน เว้นแต่กรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ และไม่สามารถเจรจาแก้ไขหนี้ร่วมกันกับสถาบันการเงินได้ ให้ดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป
1.3 คดีที่มีการบังคับคดีไว้แล้วและจะต้องมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเกษตรกร ให้ชะลอการขายทอดตลาดไว้ก่อน เฉพาะกรณีที่ยังไม่พ้นระยะเวลาบังคับคดีเท่านั้น โดยเมื่อมีการชะลอการขายทอดตลาดแล้วจะต้องมีอายุบังคับคดีคงเหลือไม่น้อยกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของเกษตรกรดังกล่าวข้างต้น สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการปฏิบัติในการดำเนินการตามข้อ 1.1–1.3 ข้างต้นได้ โดยพิจารณาถึงสภาพปัญหาของลูกหนี้เกษตรกรแต่ละรายเป็นสำคัญ
นายชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังรายงาน ครม. ว่า ตามที่ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2550 เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร นั้น ธ.ก.ส. ได้ปฏิบัติตามมติ ครม. ดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และได้วางกรอบแนวปฏิบัติ เพื่อให้ส่วนงานในพื้นที่ดำเนินการ เรื่อง การงดการดำเนินคดีบังคับคดีและการขายทอดตลาด โดยการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2550 ในการชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี การบังคับคดี และการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเกษตรกร มีผลใช้บังคับมาเป็นระยะเวลากว่า 17 ปี
โดยสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) และหน่วยงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย ได้ใช้ประโยชน์จากมติ ครม. ดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม และในทางตรงกันข้าม กลับก่อให้เกิดผลกระทบตามมาอีกหลายประการ
ดังนั้น กระทรวงการคลัง จึงมีความจำเป็นต้องขอเสนอการทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2550 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร โดยปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำของมติ ครม. ดังกล่าว ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของมติ ครม. ดังกล่าวที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร