ตร.สอบสวนกลาง-ศุลกากร ร่วมยึดของกลางขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก ซุกริมแม่น้ำโขง ระหว่างย้ายฐานจากเมียนมาร์ไปตั้งฐานที่มั่นในอาณาจักรคิงโรมันลาว พบใช้เทคโนโลยี 'สเปซเอ็กซ์' เชื่อมดาวเทียม 'บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช' เผยจ่อขยายผลจับกุมดำเนินคดีครั้งใหญ่ปราบอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายระดับโลก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผบก.ป. พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. ร่วมกับ นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายเอกวุฒิ นาเอก นายด่านศุลกากรเชียงแสน แถลงข่าวจับกุมตรวจยึดอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่ใช้ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ม รวมทั้งบัญชีม้า และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมายจำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสื่อสารสนเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉ้อโกงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ทำให้ภาครัฐต้องตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือ AOC ขึ้นมา ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และกรมศุลกากร จึงร่วมกันสืบสวนทำให้ทราบเบาะแสว่าจะมีพัสดุต้องสงสัย ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติส่งมาจากต่างประเทศ เข้ามาประเทศไทย เพื่อส่งต่อผ่านทางพื้นที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทางสามเหลี่ยมทองคำ ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
จากการตรวจสอบที่ด่านศุลดากรเชียงแสน พบกล่องลังกระดาษ และกล่องพลาสติกต้องสงสัย มีผ้าห่อหุ้มมิดชิด รวมแล้วกว่า 10 กล่องใหญ่ ซุกซ่อนอยู่บริเวณโคนต้นไม้ ริมแม่น้ำโขง พื้นที่รอยต่อสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กับประเทศลาว เมื่อเข้าตรวจสอบ พบเครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุด พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง,สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม และสิ่งของอื่นๆ จำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (กก.4 บก.ป.) พบข้อมูลที่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่กลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชนได้ เนื่องจากปรากฏข้อมูลข้อความสนทนาจำนวนมาก ในลักษณะคล้ายสคริปต์การสนทนา วิธีการขั้นตอนการทำงาน เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างโพรไฟล์ ในโซเชียลมีเดีย
โดยพบว่ามีภาพชาย-หญิงทั้งยุโรป และเอเชียหน้าตาดี ในอิริยาบถต่างๆ จำนวนมาก ,ข้อความสนทนาเชิงชู้สาว คล้ายกลุ่มคนร้าย Romance Scam หรือการหลอกให้รัก ,ข้อความแชทสนทนาลักษณะชักชวนลงทุนรูปแบบต่างๆ , ข้อความขอคำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาระหว่างคนร้ายด้วยกัน , ตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินของกลุ่มคนร้าย ซึ่งพบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ชาวต่างชาติฝั่งยุโรปและอเมริกา ในส่วนสมุดบันทึกที่มีข้อความภาษาจีน พบว่าคล้ายไดอารี่ของพนักงาน ในลักษณะจดขั้นตอนวิธีการทำงาน และเขียนบันทึกการทำงานในแต่ละวันเอาไว้ด้วย
นอกจากนี้ ในพื้นที่บริเวณตลิ่ง ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน ยังพบถุงพลาสติก 1 ถุงใหญ่ ซุกซ่อนในป่าทึบ ภายในถุงบรรจุกล่องโทรศัพท์ จำนวน 5 กล่อง ซึ่งตรวจสอบภายในกล่องโทรศัพท์แต่ละกล่องพบโทรศัพท์มือถือใส่ซิมการ์ด , สมุดบัญชีธนาคาร , บัตร ATM พร้อมกระดาษจดรหัสบัตร ATM และ รหัสการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันธนาคาร พร้อมใช้งาน
เจ้าหน้าที่ยังร่วมกันตรวจสอบกล่องพัสดุต้องสงสัยที่ส่งโดยการขนส่งทางอากาศมาจากต่างประเทศ และผู้รับตามชื่อที่กล่องพัสดุปฏิเสธการรับ จำนวน 2 ราย โดยกล่องพัสดุรายแรกพบว่าถูกส่งมาจากประเทศอังกฤษ ภายในกล่องพบ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone ในยุโรป จำนวน 4,998 อัน ส่วนพัสดุรายที่ 2 ซึ่งระบุผู้รับอีกราย ถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ตรวจสอบภายในกล่องพบ อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX อีกจำนวนกว่า 10 เครื่อง นับเป็นการพบอุปกรณ์นี้ครั้งแรก เบื้องต้น ประเมินมูลค่าของทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ประมาณ 5.4 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า "บริเวณที่ตรวจยึดอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ตรงข้ามกับอาณาจักรคิงส์โรมัน ซึ่งเป็นเขตพิเศษของประเทศลาว ทำให้เชื่อว่าคาสิโนคิงส์โรมันมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปใช้พื้นที่ในการทำธุรกิจมืดที่หลอกลววงประชาชนทั่วโลกที่ จากการตรวจสอบเชื่อว่าเป็นการย้ายฐานจากประเทศพม่าเข้าไปในอาณาจักรคิงส์โรมันเพื่อเปิดฐานปฏิบัติการใหม่ ที่สำคัญเราพบด้วยระบบสตาร์ลิ้งค์เป็นโทรศัพท์โหลดอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งยึดได้ทั้งหมด 10 เครื่อง ทำให้คนร้ายสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งอินเตอร์เน็ตพื้นฐาน"
“เราเชื่อว่าแก๊งนี้เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีสาขาหลายหลายประเทศ ถ้าสาขาไหนไม่ปลอดภัยก็จะเปลี่ยนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ทั้งคนทั้งของเขาสามารถขยับไปเหมือนมีสาขาหลายที่ ขึ้นอยู่ช่วงที่ประเทศไหนปลอดภัยก็จะเข้าไปทำในประเทศนั้น เราไม่เคยเจอของกลางเยอะขนาดนี้มาก่อน” พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว และว่า “เขากำลังขยายฐานและเป้าหมายไปทั่วโลก เป็นปัญหาของโลกที่เราต้องช่วยกันแก้ เมื่อไปเจอตำรวจต่างประเทศก็มีการนำเรื่องนี้มาคุยเพื่อหาความร่วมมือในการช่วยปราบแก๊งเหล่านี้ อยากให้ทุกประเทศมาช่วย เพราะเป็นภัยสังคมอย่างรุนแรง” พล.ต.ท.จิรภพ ระบุ
ผบช.ก. ยังระบุด้วยว่า พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า กำลังเสนอ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาจัดการปัญหานี้เป็นการเฉพาะ รวมทั้งประสานกับตำรวจต่างประเทศทั้งจากอังกฤษ ที่เป็นต้นทางของซิมการ์ดโวดาโฟน ลาว เขมร พม่า และ จีน เราจะทำเต็มที่ แต่จะได้ผลแค่ไหน อยู่ที่ความร่วมมือของตำรวจประเทศนั้น เพราะการเข้าไปสืบสวนในต่างประเทศต้องใช้ความร่วมมือ และการขยายผลเป็นหลัก
ด้าน พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. กล่าวว่า ได้สืบสวนขยายผลถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งในกลุ่มแรกพบว่าซิมการ์ดถูกส่งจากประเทศอังกฤษมาให้กับคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และคนไทยคนนี้ก็จะนำสิ่งของนี้ส่งต่อไปให้ชาวจีนที่คิงส์โรมันฝั่งประเทศลาว ส่วนของกลางชุดที่สองเป็นเครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูงถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ผ่านทางการขนส่งทางอากาศมายังอำเภอเชียงแสน เพื่อส่งต่อให้กับชาวจีน และชาวไทยที่คิงส์โรมันเช่นเดียวกัน ส่วนชุดที่สามซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และสมุดบันทึกเราได้แปลภาษาจากภาษาจีน
พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตัวอุปกรณ์ชุดที่สามนี้น่าจะเคยถูกใช้คอลเซ็นเตอร์มาก่อนในพื้นที่ประเทศเมียนมาร์ พบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวยุโรปชาวจีนชาวญี่ปุ่น ในอุปกรณ์เหล่านี้ยังพบข้อมูลเกี่ยวกับบทสนทนาต่าง ๆ การพูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มเหยื่ออีกทางการพูดคุยกับพนักงานคอลเซ็นเตอร์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังพบสิ่งที่น่าสนใจคืออุปกรณ์เหล่านี้มีการจ้างงานประวัติของพนักงานที่เป็นชาวจีน ชาวลาว ชาวพม่าชาวไทย ซึ่งเราจะขยายผลต่อสิ่ง และในส่วนที่สี่เป็นบัญชีม้า เชื่อว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นการพนันออนไลน์ หรือการฉ้อโกงออนไลน์จะขยายผลดำเนินคดีต่อไป
ส่วน นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กล่าวว่า ได้ร่วมกันเฝ้าระวังอุปกรณ์และพัสดุที่ส่งไปรษณีย์ไปตามตะเข็บชายแดนภาค เชื่อว่าจะนำไปใช้ในการประกอบกิจการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน
"เราได้ประสานกับตำรวจ เพื่อไปช่วยดูว่าอุปกรณ์ใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างที่ผ่านมาศุลกากร จึงได้ตรวจที่บริษัทไปรษณีย์เชียงแสน จึงพบอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นจึงประสานกับตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้มาตรวจสอบ โดยมีการหาข่าวเฝ้าระวังตลอดเวลาด้วย" นายพันธ์ทองระบุ