คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 'สุวรรณ ห่วงจริง' รองนายกเทศมนตรี ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินเท็จ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 ที่ห้องประชุมสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าว กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูล นายสุวรรณ ห่วงจริง รองนายเทศมนตรีตำบลนาวง จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ รายละเอียดดังนี้
ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ตรวจสอบการบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินราย นายสุวรรณ ห่วงจริง ตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 นั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติครั้งที่ 17/2567 มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พฤติการณ์ของ นายสุวรรณ ห่วงจริง ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 รายการที่ดิน มีจำนวนทั้งสิ้น 19 แปลง รายการโรงเรือนซึ่งเป็นตึกสองชั้น จำนวน 2 หลัง และรายการหนี้สินอื่นแสดงไว้ไม่ถูกต้อง จำนวน 1,000,000 บาท และกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 รายการที่ดิน มีจำนวนทั้งสิ้น 21 แปลง รายการโรงเรือนซึ่งเป็นตึกสองชั้น จำนวน 2 หลัง และรายการหนี้สินอื่นแสดงไว้ไม่ถูกต้อง จำนวน 1,050,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่แสดงทรัพย์สินและหนี้สินจำนวนหลายรายการและมีมูลค่าสูง
อีกทั้ง ยังปรากฏในเอกสารสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นเอกสารของทางราชการว่าที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของนายสุวรรณ ห่วงจริง และคู่สมรส ประกอบกับทรัพย์สินและหนี้สินโดยส่วนใหญ่ ได้มาในระหว่างดำรงตำแหน่ง ฉะนั้นนายสุวรรณ ห่วงจริง ผู้มีหน้าที่ยื่นย่อมทราบดีว่ามีทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวอยู่ จึงเป็นหน้าที่ ที่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วนที่มีอยู่จริง
ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่นายสุวรรณ ห่วงจริง กลับมีเจตนาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน อันเป็นเหตุทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องหรือทำให้ผลการตรวจสอบคลาดเคลื่อนได้ จึงเป็นการละเลยเพิกเฉยไม่ใส่ใจต่อหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินมีผลกระทบต่อการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินที่ทำให้ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
จึงฟังได้ว่า นายสุวรรณ ห่วงจริง ผู้มีหน้าที่ยื่นมีพฤติการณ์จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
สำนักงาน ป.ป.ช. จะเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 มาตรา 167 ต่อไป แต่อย่างไรก็ตามการไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด.