
ฝ่ายค้านชี้งบกลาโหมหลายรายการไร้ความจำเป็น ก้าวไกลถามงบจิตวิทยา ทำไมไม่เอาไปดูแลคนในค่าย ด้าน 'ฐากร' ชี้งบ ทร.ทำไมยังคาเรื่องเรือดำน้ำเอาไว้ทั้งที่ยังไม่ได้เครื่องยนต์ ชี้ 3 เหล่าทัพปรับลดไม่จริง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 2 และ 3
นายเอกราช อุดมอำนวย สส.เขตดอนเมือง พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายถึงการเสนอตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในหลายรายการ อาทิ โครงการปรับปรุงแอลอีดีเวิลด์ดิสเพลย์ ณ ห้องพิชิตประชานาถ สำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหม ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณไป 6.9 ล้านบาท เพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆแต่ดูจากภาพแล้วในห้องนี้จอแอลอีดีก็ยังใช้งานได้ปกติ เพราะฉะนั้นการปรับปรุงจอแอลอีดีท่านต้องมีเหตุผลและความจําเป็นมากเพียงพอที่จะบอกว่าขอเปลี่ยนใหม่มันเป็นอย่างไร ทำไมถึงขอดูเหตุผลไม่ได้
สส.พรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่าอีกประเด็นก็คือเรื่องของประสิทธิภาพงานด้านกระบวนการยุติธรรมในระบบการฝากขัง หมายความว่ากองทัพนั้นมีศาลทหาร ที่คล้ายๆกับศาลยุติธรรม มีระบบที่จะฝากขังผ่านการประชุมจอภาพซึ่งเป็นระยะที่ 3 ตอนแรกงบประมาณตรงนี้จะต้องใช้ไปตรงนี้อยู่ที่ 12 ล้านบาท โดยกรรมาธิการให้คําชี้แจงว่าเป็นการจัดหาระบบควบคุมประชุมทางไกลผ่านวีดิทัศน์แบบหลายจุด จํานวนหนึ่งระบบชุดอุปกรณ์ทางไกลผ่านจอภาพ และอุปกรณ์สองชุดซึ่งคํานวณมาแล้วนะครับทั้งชุดเนี่ยผมก็ไปดูมานะครับรวมที่ใช้กับเรือนจําอีก16ชุดแม้ว่ากรรมาธิการจะปรับลดลงไป 3ล้านบาท คงเหลือประมาณ 9 ล้านกว่าบาท แต่ส่วนตัวแห็นว่าเป็นการปรับลดที่น้อยเกินไป โดยในโครงการนี้เนี่ยดําเนินมาแล้วสองระยะระยะแรกเนี่ย7.7 ล้านบาท ระยะที่สอง 7.8 ล้านบาท โดยได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งนี้
“โครงการนี้ถ้าคํานวณเนี่ยจะใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ24 ล้านบาทในการหาอุปกรณ์ ซึ่งส่วนตัวก็ไปค้นหาข้อมูลเปรียบเทียบนะครับกับโครงการของสํานักเลขาธิการสภาเขาก็เคยทําร่างโครงการเนี้ยอยู่ที่ประมาณ 2.9 ล้านบาทเท่านั้นเองแล้วก็หากยึดถือตามราคานี้ ก็ยังมีเงินเหลือสําหรับจัดหาชุดทางไกลจอภาพวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อีก 6 ล้านบาท ซึ่งหากเฉลี่ยตามคําชี้แจง จํานวน18ชุดเนี่ยจะตกชุดละประมาณ3 แสนบาทโดยอุปกรณ์เบื้องต้นที่ใช้ในการประชุม ทั้งไมโครโฟนกล้องจอภาพลําโพงนั้นเห็นว่า 3 แสนบาทสูงไป มันควรจะปรับลดลงมาอีก” นายเอกราชกล่าว
นายเอกราชกล่าวว่าอีกเรื่องที่ต้องพิจารณาก็คือการจัดซื้อระบบลงนามอิเล็กทรอนิกส์ที่เห็นว่ามันควรจะต้องเป็นหน่วยงานที่มีความเกี่ยวเนื่องหรือว่าเป็นหน่วยงานกลางที่ทํา เช่นหน่วยงานศูนย์ดิจิตอล ต่างๆไม่ใช่ว่ากระทรวงกลาโหมของบไปต่างคนต่างขอเดี๋ยวต่อไปหน่วยงานต่างๆก็จะมาขอลักษณะแบบนี้ ดังนั้นส่วนตัวก็เลยคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นในชั้นนี้
สส.พรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่าในส่วนของค่าใช้จ่ายสํานักงานผู้ช่วยฑูตทหารซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย มีสํานักงานอยู่ต่างประเทศ 26 แห่ง ซึ่งในปีที่ผ่านมาในปี 2565 เบิกจ่ายไปไปประมาณ 22 ล้านบาท ปี2566 ใช้ไปไม่ประมาณ 25 ล้านบาทแต่ในปี 2567 กลับตั้งวงเงิน 43 ล้านบาท แต่เขากลับใช้งบไปพลางก่อน ประมาณ 20 ล้านบาท ปัญหาก็คือเหลือเวลาใช้งบประมาณไม่กี่เดือนเอง หรือก็คือท่านใช้เงินงบประมาณเกือบทั้งปีของสองปีที่ผ่านมา แบบนี้ ไม่สามารถที่จะมีเหตุผลที่จะเห็นชอบไปได้เพราะไม่มีเอกสารรายละเอียดว่าเอาไปทําอะไร
นายเอกราชกล่าวอีกว่าในส่วนของงบดําเนินงานมีการปรับลดลงไป 20 ล้านบาทซึ่งในส่วนค่าตอบแทนใช้สอย พบว่ามีโครงการที่ชื่อว่าปฎิบัติการจิตวิทยา แต่พอไปดูในรายละเอียดครับในรายละเอียดของโครงการในข้อ 1.2 เขาเอาไปใช้ในกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ต่างๆของนายทหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครือข่าย การสัมพันธ์ผู้บริหารกองทัพบก ระดับผู้บริหารภาคสอง ภาคสาม ไปทํางานเครือข่ายบริหารชมรมความสัมพันธ์ซึ่งเรียกได้ว่ามันไม่มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพและท่านจําเป็นต้องทําเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ
“ล่าสุดมีคนผูกคอในค่าย ท่านควรไปดูแลจิตวิทยา ดูแลความสัมพันธ์ของคนในข้างในก่อน แล้วผมไม่แน่ใจว่างบที่จะเอาไปใช้สร้างนี้จะเป็น ไอโอรึเปล่า” นายเอกราชกล่าว
สส.พรรคก้าวไกลกล่าวว่าส่วนเรื่องที่ซีเรียสและยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด คือการของบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ขอมา 5 ล้านบาท เขาเอาไปจัดหาวัสดุ 2 แสนกว่าบาทและศึกษาความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในชายไทยที่ผ่านการตรวจเลือด 4 ล้านกว่าบาท นี่คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทําไมผู้ที่เข้าไปอยู่ในค่ายต้องถูกบังคับตรวจเลือด อีกทั้งคนไทยมีสิทธิในการตรวจเอชไอวีอยู่แล้วประมาณสองครั้งต่อปีแต่ต้องถูกบังคับแบบนี้ สุดท้ายแล้วพอเวลาถ้าตรวจเจอ ก็จะถูกตีออกแล้วเขาก็ไม่สารถออกไปหางานได้เพราะไปถูกเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ นี่คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และพวกเราใครก็ตามที่ยอมรับแบบนี้นี่คือการทําละเมิดสิทธิภายใต้กฎหมาย ดังนั้นส่วนตัวจึงขอให้ที่ประชุมนี้ตัดงบประมาณนี้
ทางด้านของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยสร้างไทยกล่าวว่าขออภิปรายงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเห็นว่ามีการปรับลดไม่จริง เสนอมาจํานวนทั้งสิ้น 87,883ล้านบาทเศษ ปรับลดลงไปทั้งสิ้น 2,485ล้านบาท คงเหลือ 85,398ล้านบาทเศษ ปรับลดลงไปแค่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าดูในรายละเอียดจะพบว่าเป็นการปรับลดไม่จริงยกตัวอย่างเช่นในส่วนของกองทัพบก เพราะเอางบผูกพันเดิมก่อนปี 2567 ก็คือเกิดขึ้นในปี 2564 มาปรับ ปี 2567ตั้งงบประมาณไว้1,762 ล้านบาทเศษ ไม่ได้มีการปรับลดงบประมาณลงแต่อย่างใดเลยเพราะว่าถือว่าเป็นงบผูกพันตามสัญญาเดิมในปี 2564
“ผมนําเรียนอย่างนี้ ว่างบนี้ตั้งมาตั้งแต่ปี2564-2568 และจะมาสิ้นสุดในปี2568 ใช้ระยะเวลาดําเนินการ 5 ถึง 6 ปีในการที่จะดําเนินการพอมาปี 2567ไม่สารถที่จะปรับลดงบประมาณลงได้ ถามนิดหนึ่งว่าโครงการนี้มีระยะเวลาดําเนินการนานเท่าใดโครงการนี้มีปัญหาอุปสรรคหรือไม่อย่างไรโครงการนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่เพราะฉะนั้นกระบวนการในการทํา ถ้าปี2567ไม่สารถที่จะปรับลดได้ขอให้ทางกรรมาธิการได้ชี้แจงกับทางผมด้วยครับ” นายฐากรกล่าว
สส.พรรคไทยสร้างไทยกล่าวต่อไปว่าสำหรับโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2567 ตั้งงบประมาณไว้จํานวน12 โครงการซึ่งไม่สามารถอ่านชื่อได้เพราะโครงการนี้เขาเป็นความลับในเอกสารงบประมาณ ปรากฏว่างบประมาณทั้งสิ้นนะครับ 9,641 ล้านบาทเศษ ตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2567 1,446 ล้านบาทเศษ ผูกพันงบประมาณปี 2568-2568 กรรมาธิการเสนอขอปรับลดงบประมาณลง 179 ล้านบาทเศษ เพราะฉะนั้นในปีงบประมาณ 2567 จะคงเหลืองบประมาณจริงๆที่ตั้งไว้ก็คือ 1,266 ล้านบาทเศษ
“งบประมาณทั้งรวมทั้งโครงการก็คือ 9,641ล้านบาทเศษ ท่านไม่ได้ปรับลดใดๆ ทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยเงินที่ท่านปรับลดในปีงบประมาณ2567 ก็คือ 179 ล้านบาทเศษก็จะไปผูกพันในปีงบประมาณ2568และปี2569ต่อเนื่อง ก็จะเป็นภาระงบประมาณที่กําลังจะเข้าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ในปี 2568 -2569 แล้วพี่น้องประชาชนจะทํายังไงกันดีครับตรงนี้กับงบประมาณ 9,000กว่าล้านบาทเศษ” นายฐากรกล่าว
นายฐากรกล่าวถึงงบประมาณกองทัพเรือที่พบว่ามีการขอเสนอปรับลดงบประมาณที่เรียกว่าลดไม่จริง เพราะเป็นงบผูกพันที่มีการจัดตั้งใหม่ ก็คือในปี 2567 ขออนุมัติวงเงินมาทั้งสิ้น 20,879 ล้านบาทเศษ ขอตั้งงบประมาณในปี2567 2,281ล้านบาทเศษปี 2568 ขอตั้งงบไว้กว่า 3.7 พันล้านบาท ปี 2569 ขอตั้งงบ 6 พันกว่าล้านบาท ปี 2570-2571 ผูกพันงบประมาณอีก8,586ล้านบาท กองทัพเรือขอปรับลดงบประมาณลง 1,700 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 กองทัพเรือขอปรับลดงบประมาณลง 1,700 ล้านบาท ทำให้ในปีงบประมาณ 2567 จะคงเหลือ 581ล้านบาทเศษ
"เขาเรียกว่าเป็นการตั้งงบประมาณแบบเป็นเชื้อครับเชื้ออ่อนๆในปี 2567แล้วจะเป็นแรงในปี2568-2571 เพราะว่ากรอบวงเงินของท่านเนี่ย 20,000 กว่าล้านบาท" นายฐากรกล่าว
สส.พรรคไทยสร้างไทยกล่าวอีกว่าโครงการผูกพันตามสัญญาเดิม 12 โครงการพบว่ามีตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2563 ในเอกสารเขียนไว้ก็คือจะมาสิ้นสุดในปี 2568 ระยะเวลาดําเนินการเกือบ 7 ปีถามว่าปี 2567 ตั้งงบประมาณไว้ 1,018 ล้านบาทเศษ ขอปรับลดลงไป 30 ล้านเหลือ 988 ล้านบาท
"ผมถามนิดว่าปี 2567 งานโครงการของท่านที่เคยผูกพันไว้เดิมเนี่ยระยะเวลาดําเนินการมันนานเท่าไหร่แล้วก็ท่านมีปัญหาอุปสรรคหรือไม่อย่างไรแล้วก็ท่านสามารถที่จะปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ลงไปได้อีกได้หรือไม่เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับความเป็นจริง" นายฐากรกล่าว
นายฐากรกล่าวอีกว่านอกจากนี้กองทัพเรือยังมีโครงการผูกพันเดิมอีก 9 โครงการตั้งตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งงบประมาณตัวนี้จะไปผูกพันถึงปี 2574 งบประมาณรวม 44,000กว่าล้านบาทเศษ ปี2567 ตั้งไว้ 1,561ล้านบาทเศษ ไม่ได้มีการปรับลดงบประมาณในส่วนนี้เลยโครงการนี้ทุกคนรู้กันหมดว่าเป็นโครงการเรือดําน้ําครับ เพราะฉะนั้นต้องถามสถานภาพว่าปีงบประมาณของส่วนของเรือดําน้ําในขณะนี้สถานภาพไปถึงไหนแล้ว จึงไม่ข้อเสนอปรับลดงบประมาณ 1,561ล้านบาทเศษ ฟังคําชี้แจงของรัฐมนตรีมาหลายครั้งคิดว่าโครงการนี้ซื้อเครื่องยนต์ยังไม่ได้ทําอะไรก็ไม่ได้ข้อตกลงต่างๆมันจะทํายังไงต่อไป ตรงนี้ขออนุญาตให้มีการชี้แจงด้วย
สส.พรรคไทยสร้างไทยกล่าวถึงโครงการสุดท้ายก็คือโครงการในกองทัพอากาศ พบว่างบประมาณตั้งแต่ปี 2563-2569 จำนวน 8 รายการ กรอบวงเงินงบประมาณ 13,156ล้านบาทเศษ ปี 2567ขอตั้งงบประมาณไว้ 4,367ล้านบาทเศษไม่มีการปรับลดแม้แต่บาทเดียว ขออนุญาตถามว่าตรงนี้งบประมาณเป็นไปตามแผนทั้งหมดหรือไม่
“ส่วนโครงการใหม่ของท่านในปี2567 ท่านเสนอขอวงเงินมา 5,700กว่าล้านบาทตามงบในปี2567 ตั้งไว้ 856ล้านบาทนะครับผูกพันในปี2568-2570 4 พันกว่าล้านบาทเศษ อยากจะถามถึงปัญหาความจําเป็นต่างๆว่าโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นในปี2567ในการจัดซื้ออาวุธต่างๆมีความจําเป็นเร่งด่วนอย่างไรบ้าง” นายฐากรกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา