รมต.เงาเมียนมาเตือน เผด็จการทหารเตรียมหาเครดิตเข้าตัวเอง หลังไทยประกาศเดินหน้าโครงการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ชี้ชัดสภากาชาดเมียนมาอยู่ภายใต้เผด็จการทหาร หวั่นทำความช่วยเหลือไปไม่ทั่วถึง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาที่เชื่อมโยงถึงประเทศไทยว่ารัฐมนตรีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมาหรือว่า NUG ซึ่งปัจจุบันเป็นรัฐบาลเงาเมียนมาได้มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวิธีการที่ประเทศไทยได้ส่งความช่วยเหลือไปยังเมียนมานับแต่สงครามกลางเมืองเริ่มต้นเมื่อสามปีก่อน
นายวิน มยัต อาย (Win Myat Aye) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติของ NUG ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิรวดีว่ารัฐบาลของเขายินดีกับความคิดริเริ่มของรัฐบาลไทย แต่ไม่พอใจกับการดําเนินการ
โดยข้อมูลของสหประชาชาติหรือ UN ระบุว่ามีประชาชน 18.6 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา และจํานวนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 ล้านคน ซึ่งประเทศไทยวางแผนที่จะสร้างระเบียงมนุษยธรรมขึ้น
“แต่เราไม่คิดว่ามันจะมีประสิทธิภาพ” นายวินกล่าวและกล่าวต่อไปว่าก่อนหน้านี้เคยมีการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านทางศูนย์ประสานงานเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติของอาเซียนหรือที่เรียกว่าศูนย์ AHA มาแล้ว
"ศูนย์ AHA ต้องส่งมอบความช่วยเหลือผ่านระบอบเผด็จการเมียนมา การส่งมอบความช่วยเหลือถูกควบคุมโดยระบอบเผด็จการ ดังนั้นจึงไม่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง" รัฐมนตรีเงากล่าวและกล่าวอีกว่าตอนนี้ประเทศไทยจะใช้ศูนย์ AHA เพื่อดําเนินการตามความคิดริเริ่มใหม่ นี่เหมือนการทำผิดซ้ำรอยเดิม ดังนั้นจะไม่มีการปรับปรุงที่มีนัยยะสำคัญเลยถ้าหากยังคงมีการส่งความช่วยเหลือผ่านศูนย์ AHA
เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยซึ่งนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ประกาศจัดตั้งศูนย์ชายแดนไทย-เมียนมาเพื่อดูแลการแจกจ่ายความช่วยเหลือ มีการแจกอาหารและเวชภัณฑ์ ด้วยความช่วยเหลือของทั้งสภากาชาดไทยและสภากาชาดในเมียนมา
นายวินตั้งข้อสังเกตว่าสภากาชาดเมียนมาหรือ MRCS ซึ่งถูกใช้เพื่อดำเนินการแจกจ่ายเวชภัณฑ์ในเมียนมานั้นตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของระบอบเผด็จการเมียนมา และการส่งมอบความช่วยเหลือจะไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถเข้าถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่รัฐบาลเงา NUG หรือกลุ่มกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ควบคุมอยู่
อนึ่งโครงการนี้มีจุดประสงค์ต้องการจะช่วยผู้พลัดถิ่นจำนวน 2 หมื่นคนใน 3 พื้นที่ด้วยกัน แต่รัฐมนตรีเงากล่าวว่าความช่วยเหลือที่ว่านี้ยังคงอยู่ในขนาดเล็ก และยังมีความกังวลว่าเผด็จการทหารเมียนมาอาจจะใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างได้ว่าเผด็จการทหารได้ทำให้เกิดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมข้ามพรมแดนเกิดขึ้นแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากประเทศไทย หรือก็คือโครงการเล็กๆที่ว่านี้จะทำให้เผด็จการทหารเมียนมาสามารถนำไปใช้หาเครดิตให้ตัวเองได้นั่นเอง
“เราไม่คัดค้านความคิดริเริ่มนี้ เราแค่เสนอแนะว่าให้มีการใช้กลไกเสริมหรือทางเลือกอื่นๆคู่ขนานกันไปด้วย” นายวินกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ทาง NUG ได้เสนอให้รัฐบาลไทยปรึกษาหารือกับกลุ่มผู้นำในระดับท้องถิ่นจำนวนหลายกลุ่มประกอบกัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าไทยได้ยอมรับข้อเสนอนี้หรือไม่
เรียบเรียงจาก:https://www.asianews.it/news-en/Myanmar’s-government-in-exile-criticises-Thailand’s-humanitarian-assistance-60304.html