'ชัยวัฒน์' เดินหน้าปกป้อง 'เขาใหญ่' หวั่นซ้ำรอย 'ป่าทับลาน' ส.ป.ก.อยู่ในมือนายทุน ย้ำไม่มีปัญหาหลักเกณฑ์หากจัดสรรเพื่อ ปชช.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่การทำการเกษตร (ส.ป.ก.) ในงานเสวนา 'จากทับลานถึงเขาใหญ่' พื้นที่ป่าถูกเฉือนขึ้น ? จัดโดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมกับ องค์กรพันธมิตร ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ป่าทับลานและป่าทั่วประเทศไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการบุกรุก การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ค้าไม้ข้ามชาติ แต่เป็นปัญหาที่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ ในขณะที่ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เป็นการบุกรุกแอบแฝงแม้ว่าจะรู้ว่าเป็นคู่ต่อสู้โดยตรงคือใคร แต่ก็ยังมีหน่วยงานมาลักลอบบุกรุกแอบแฝง โดยใช้เทคนิคกระบวนการ ระเบียบต่างๆ มาดำเนินการในรูปแบบ ที่เรียกว่า ส.ป.ก.
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ 'อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่' และ 'อุทยานแห่งชาติทับลาน' ต่างได้รับผลกระทบในลักษณะใกล้เคียงกัน คือการได้มาของ ส.ป.ก. ซึ่งไม่ได้มาด้วยกระบวนการที่ชอบธรรมและผิดกฎหมาย พร้อมเชื่อว่า ในกระบวนการที่เกิดขึ้น เป็นลักษณะที่มีผู้ได้รับผลประโยชน์เป็นผู้มีอิทธิพล และกรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพย์ฯ เท่านั้น แต่หมายถึงจำนวนพื้นที่ป่าจะลดลงด้วย และเมื่อมีการฟ้องร้องต่อสู้กันกลับกลายเป็นว่า ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ของรัฐกลายเป็นจำเลย และผู้ถือครองพื้นที่ ส.ป.ก เป็นโจทย์ และคดีความก็จบอย่างสวยงาม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหากไม่มีการออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการออก ส.ป.ก ปัญหาทับซ้อนพื้นที่ป่าเขาใหญ่ก็จะจบแบบเดิมอย่างที่เคยเป็นมา
"มันเป็นความเจ็บช้ำที่สุดท้ายเราแจ้งความกับ ผอ.ส.ป.ก. ในช่วงปี 2560 สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มันจึงมีความใกล้เคียงกัน ซึ่งจะเกิดกับที่เขาใหญ่อย่างเช่นที่เราเห็นในภาพข่าวว่า มีการขีดเส้นแบ่งเขต รวมถึงข้อมูลจากกรมแผนที่ทหารระบุว่าเป็นพื้นที่ที่ส.ป.ก.ได้รับอนุญาตถูกต้องแล้ว วันนี้ทางกรมฯ จึงจำเป็นต้องออกมาต่อสู้ เพื่อการรักษาผืนป่า" นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำว่า ตนไม่ได้มีปัญหากับหลักเกณฑ์ของ ส.ป.ก ที่มุ่งจัดสรรที่ดินให้ประชาชนได้มีที่ทำกิน แต่ไม่เห็นด้วยที่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีความซื่อสัตย์และไม่ทำตามระเบียบที่กำหนดไว้ จนทำให้พื้นที่ ส.ป.ก. เต็มไปด้วยกลุ่มทุน หรือคนที่ต้องการครอบครองพื้นที่ ส.ป.ก ซึ่งมีพื้นที่สวยทำเลดี เพื่อนำไปสร้างประโยชน์กับตนเอง
"มีตัวเลขว่ามีที่ดิน ส.ป.ก.ออกทับที่เขตอุทยานจำนวนมาก ขอให้ ส.ป.ก.ทุกจังหวัดกลับไปทบทวนว่า จะออกโดยชอบหรือไม่ชอบ ถ้ามีโอกาสที่จะถอนคืน กลับคืนตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่บอกว่าถ้าพื้นที่ไหนซ้อนทับจริงๆ ก็เอาออกหมด นี่เป็นโอกาสของคนทั้งประเทศก็ทำเลย เมื่อท่านพูดแล้วต้องทำ ให้เป็นตัวหนังสือ และภายใน 30 วันต้องมีตัวชี้วัดว่าทำได้กี่พื้นที่ ไม่ใช่พูดเสร็จแล้ว วันหนึ่งกรมแผนที่ทหารออกมาว่า พื้นที่นั้น อยู่ในเขต ส.ป.ก. แบบนี้ไม่แฟร์ ทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องชัดเจน ถ้าวันนี้ พื้นที่ป่าลดลงอนาคตข้างหน้าเราจะเจอภัยพิบัติ ทั้งปัญหาความแล้ง น้ำท่วม ดินสไลด์ ฝุ่น แน่นอน" นายชัยวัฒน์ กล่าว
ในส่วนของการออก one map เพื่อแก้ไขปัญหา นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ต้องพูดถึงกรรมการก่อน เพราะกรรมการก็มาจากปฏิรูปที่ดิน ทั้งเลขาฯ หรือคนอื่นๆ ก็มาจาก ส.ป.ก. ทั้งนี้ คณะกรรมการต้องยอมรับแนวเขต การทำพื้นที่ ส.ป.ก. ต้องทำแผนผัง และจะเขียนอะไรก็แล้วแต่ ต้องเพิกถอนออกจากเขตอุทยานแห่งชาตินั้นๆ ก่อน ถึงจะทำแผนที่หรือแนวเขต หรือวางผังของ ส.ป.ก. ได้ โดยส่วนตัวมองว่า กรมแผนที่ทหาร ไม่ได้มีสิทธิ์ในการชี้วัดแนวเขต และทางกรมอุทยานฯ ดำเนินการตามสภาพพื้นที่ป่า ตามแนวทางพระราชกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติปี พ.ศ 2505 ซึ่งกฎหมายเหล่านี้ เกิดก่อนกฎหมายของ ส.ป.ก.
ทางด้าน นายภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า การเพิกถอนพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติทับลาน ผืนป่ามรดกโลกนั้น ตนเห็นด้วยว่าหากมีการเพิกถอนเฉพาะพื้นที่ที่กลุ่มนายทุนเข้าไปครอบครองอย่างผิดระเบียบกฎหมาย เข้าไปซื้อขายเปลี่ยนมือและพัฒนาพื้นที่ในลักษณะการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวรีสอร์ทซึ่งผิดไปจากเจตนารมย์ของ ส.ป.ก. แต่ไม่เห็นด้วยที่เพิกถอนพื้นที่ที่ประชาชนเดือดร้อนจริง ๆ และมีการอาศัยทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างการเพิกถอนที่ทับลาน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสำรวจอย่างจริงจัง และอย่าทำการเพิกถอนแบบเหมาร่วม เพราะจะส่งผลต่อการเพิกถอนพื้นที่อื่นทั่วประเทศที่ประชาชนอาศัยและใช้ทำกินหาเลี้ยงชีพ
ขณะที่ นายธนดล สุวัณณฤทธิ์' ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทนของ 'ธรรมนัส พรหมเผ่า' เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากช่องโหว่บางประการ ส่งผลให้เกิดข้อพิพาท ล่าสุดทางรัฐมนตรีได้มีคำสั่งดำเนินคดีกับผู้ที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด และจะสร้างบรรทัดฐานเรื่องการปราบปรามนายทุน และปราบปรามบุคคลที่ไม่ได้เป็นเกษตรกร พร้อมทั้งยืนยันว่า สำนัก ส.ป.ก และกระทรวงเกษตรฯ มีความหวงแหนตอบผืนป่าอนุรักษ์เฉกเช่นเดียวกันกับทุกคน
"ขอให้พี่น้องประชาชนทราบไว้ว่าการทำงานของเราบางอย่างมันมีช่องว่าง ต่อจากนี้เราก็พยายามจะอุดช่องว่าง แต่ก็อยากจะขอร้องพี่ชัยวัฒน์ว่า อย่ามองส.ป.ก.เป็นจำเลยครับ คนทำชั่ว 4-5 คน ไม่ได้หมายความว่าคนอีก 1,900 คนจะชั่วด้วย ผมขอร้องในฐานะน้อง ขอร้องในฐานะผู้บริหาร ให้เกิดความเป็นธรรมกับข้าราชการในส.ป.กด้วย" นายธนดล ระบุ