สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 6 แถลงมติคณะกรรมการชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด 'โชติ ปั่นวงษ์ก๋อ' หรือ 'พื้นฐาน เดชพงษธร' อดีตนายก อบต.ไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ คดีร่ำรวยผิดปกติ 2.9 ล้าน หลังสอบพบฝากเงินเข้าบัญชีตนเอง 12 ครั้ง ไม่สัมพันธ์รายได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ภาค 6 ได้เผยแพร่ข่าวมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด นายโชติ ปั่นวงษ์ก๋อ หรือ นายพื้นฐาน เดชพงษธร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไร่อ้อย อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ร่ำรวยผิดปกติ จำนวนเงิน 2,955,500 บาท
นายวณิชย์ ศุภวณิชย์สกุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 6 ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 เปิดเผยว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2556 ขณะนายโชติ ปั่นวงษ์ก๋อ หรือนายพื้นฐาน เดชพงษธร ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไร่อ้อย อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ถูกกล่าวหา มีการฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง จำนวน 12 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 2,955,500 บาท
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2555 และ 2556 รวมจำนวน 739,642.83 บาท แล้วเงินฝากในบัญชีที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่สัมพันธ์กับรายได้ โดยไม่ปรากฏแหล่งที่มา
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ดังนี้
นายโชติ ปั่นวงษ์ก๋อ หรือนายพื้นฐาน เดชพงษธร ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมเป็นเงินจำนวน 2,955,500 บาท
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน และแจ้งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกผู้ถูกกล่าวหาภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ต่อไป
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 เดือน นายพื้นฐาน หรือ โชติ เดชพงษธร หรือ ปั่นวงษ์ก๋อ อดีตนายก อบต.ไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปแล้ว