ครม.รับลูก ‘เศรษฐา’ สั่ง ‘ก.ท่องเที่ยว’ ยกระดับการท่องเที่ยวใน จ.กาญจนบุรี จูงใจนักท่องเที่ยวพักค้างคืนนานขึ้น หวังเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวให้สูงขึ้น พร้อมมอบ 'กลาโหม' เป็นเจ้าภาพจัดสรร ‘ที่ดินของรัฐ’ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ให้ประชาชนทำกิน
...................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. มีมติมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามข้อเสนอของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง 4 ประเด็น ซึ่งเป็นเรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดกาญจนบุรีของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย
1.การยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี โดยที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ อีกทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่มีศักยภาพจำนวนมาก แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีระยะเวลานักสั้นหรือไม่พักค้างคืนในพื้นที่ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ค่อนข้างต่ำ
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลัก เร่งประสานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมตลอดถึงภาคเอกชน เพื่อกำหนดแนวทาง มาตรการร่วมกันในการดำเนินการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีให้มีความหลากหลายน่าสนใจ และมีความต่อเนื่อง เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและใช้เวลาพักค้างคืนในพื้นที่นานขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการใช้จ่ายต่างๆ สูงมากขึ้นด้วย
2.การแก้ไขปัญหาการจัดสรรที่ดินทำกินในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ประชาชนได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกินเป็นของตนเองและครอบครัวอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว จึงขอให้กระทรวงกลาโหม (กห.) โดยกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยงานหลัก เร่งประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทับซ้อนกัน และปัญหาการนำพื้นที่ของรัฐในจังหวัดกาญจนบุรีที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาจัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
3.การเตรียมความพร้อมของจังหวัดกาญจนบุรีในการจัดตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการค้าชายแดน จึงขอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดกาญจนบุรี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
4.การผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ไปยังพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในจังหวัดกาญจนบุรีให้ทั่วถึงและเหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
“คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว ลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ จึงเรียนยืนยันมา และขอได้โปรดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป” หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว (ล) 26593 แจ้งมติ ครม. เรื่อง เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดกาญจนบุรีของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 14 ธ.ค.2566 ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศให้ พื้นที่ ต.บ้านเก่า และ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เนื้อที่รวม 162,993 ไร่ เป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน พร้อมทั้งประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัด ประกอบด้วย ตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส ไปแล้ว
อ่านเอกสารเพิ่มเติม : ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 19/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน