'อภิสิทธิ์' ประกาศลาออก ปชป. หลังถูก 'ชวน' เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ย้ำคงไม่ไปช่วยพรรคอื่นแต่จะขอช่วย ปชป.ต่อไป เผยก่อนเจ้าตัวประกาศลาออกไปหารือกับ 'เฉลิมชัย' นานกว่า 10 นาที ขณะ 'สาธิต ปิตุเตชะ' ประกาศลาออกด้วยอ้างพรรคไม่มีจุดยืนแล้ว ส่วนมาดามเดียร์ได้เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 หมดสิทธิ์เป็นแคนดิเดต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวผลการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 9.30น. โดยแกนนำ สส. รวมถึงสมาชิกพรรค ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
บรรยากาศการประชุมประชุมเป็นที่น่าสังเกตุว่า แกนนำพยายามสยบภาพความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอาทิ นายชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ ได้นั่งเคียงข้างกับอีกกลุ่มคือ นายชัยชนะเดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รวมถึงนายเดศอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรคได้นั่งในลำดับถัดไป โดยทันทีที่มาถึงนายเฉลิมชัย ได้เข้าไปสวัสดีทักทายผู้ใหญ่พรรค อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐานสส.บัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้หลังจากที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมใหญ่ครั้งที่1 เมื่อวันที่8ก.ค.2566 จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค
โดยเริ่มที่นายชวน ได้เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยเห็นว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้คนที่เลือกมาต้องไม่ด้อยไปกว่าพรรคอื่น ทั้งนี้มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ด้อยกว่าใครในเวลานี้มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์จะนำพรรคไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย พร้อมเชื่อว่าสถานกาณ์นี้นนำไปสู่ความก้าวหน้าได้ ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ถือว่า มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
จากนั้นได้เปิดให้สมาชิกยกมือรับรอง ผลปรากฎว่า มีสมาชิกให้การรับรอง169 คน ถือว่าให้การรับรองครบถ้วนตามข้อบังคับ จึงถือว่านายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ถูกเสนอชื่อ
นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ถ้าจะพูดถึงความอยากจะเป็น ไม่เคยคิดว่าอยากเป็นความต้องการส่วนตัวแต่มองถึงอนาคตพรรค ที่ผ่านมาตนถูกพาดพิงทางสาธารณะมาโดยตลอด 4ปีหลังแสดงจุดยืนที่ไม่ตรงกับจุดยืนพรรค นั่นคือการไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บทบาทของตนหลังจากนั้นจึงต้องระมัดระวังบทบาทตัวเองมาโดยตลอด มีการต่อว่าตนว่าเห็นแก้ตัวที่ไม่กลับมาช่วยพรรค
ที่ผ่านมาพรรคมีปัญหามาโดยตลอด มีการลงชื่อถึง2ครั้ง ของกรรมการบริหารเพื่อลาออกเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ซึ่งสมาชิกมาหารือตน
ถามว่าวันนี้มีเหตุผลอะไรที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคภายใต้สถานการณ์การเมืองตนแทบไม่มีเหตุผลอะไรเลย แต่ตนคิดภายใต้เหตุผลของนายชวน ที่เป็นหนี้บุญคุณพรรค
สิ่งที่ผ่านมาทำให้ตนตั้งคำถามว่า เราตระหนักมากแค่ไหนว่า พรรคอยู่ในภาวะที่เรียกว่ายิ่งกว่าวิกฤติเราคิดกันจริงจังหรือยังว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร บทเรียนข้อสรุปต่างๆไม่ได้คิดว่ายากเกินไป การเดินไปข้างหน้าจึงเป็นเรื่องของการค้นหาจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปัตย์ว่าเราจะเดินไปถึงจุดไหน
"วันนี้ไม่ใช่เรื่องใครชนะใครแพ้ แต่วันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ถ้าไม่มีความเป็นเอกภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครชนะหรือแพ้ก็จะมีปัญหาผมแพ้ก็มีปัญหา ผมชนะก็ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่ เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา วันนี้เมื่อมีการเสนอชื่อผมถามท่านรักษาการหัวหน้าพรรคพักการประชุมแล้วคุยกับผมไหม"
โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ผมได้พูดไปแล้วว่าจะหยุด ไม่เคยปฏิเสธว่าพูดแล้วต้องรับผิดชอบ แต่ขอเรียนว่าอยู่ดีๆไม่มีใครพูดส่งเดช มันต้องมีที่มาที่ไป บางครั้งสถานการณ์บางอย่าง ผมบุกบั่นกับประชาธิปัตย์มาตั้งแต่2518 มันคือสายเลือด และยึดมั่นในอุดมการณ์ซื่อสัตย์สุจริต100 ผมพร้อมจะคุยกับท่าน แต่ท่านไปคุยกับผม2คนได้หรือไม่"
นายอภิสิทธิ์ตอบกลับว่า ผมกับท่านไม่เคยทะเลาะกันถ้าจะไปคุยกัน2คนแล้วมีพยานผมไม่ขัดข้อง
นายเฉลิมชัย ย้ำว่า ผมอยู่ปชป.มา22ปี ผมยืนยันว่าปชป.ไม่ใช่พรรคอะไหล่ใครและไม่มีวันยอม
จากนั้น เวลา11.15 น. นายเฉลิมชัยได้พักการประชุม10นาที เพื่อไปพูดคุยกับนายอภิสิทธ์นอกห้องประชุม
จากนั้น นายอภิสิทธ์กล่าวว่า เข้าใจตรงกันทุกอย่างผมเรียนเลขาธิการพรรคว่า ขอถอนตัว ผมขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แต่ยืนยันกับทุกท่านที่นี่ผมไม่มีพรรคอื่นไม่ไปพรรคอื่นกรีดเลือดผมมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณีที่จะรักษาอุดมการณ์เพื่อรับใช้บ้านเมืองต่อไป ถ้าอนาคตคิดว่าผมจะช่วยได้ก็ไม่ปฏิเสธ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องประชุมไปทันที
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าหลังจากนั้นไม่นานนายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.และรักษาการรองหัวหน้าประชาธิปัตย์ก็ได้ประกาศลาออกจากพรรคด้วยเช่นกันกันโดยให้เหตุผลว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์นั้นเปลี่ยนไปมากแล้วและละทิ้งจุดยืน อุดมการณ์พรรคที่ผ่านมา มีการใช้ระบบพรรคพวกมากขึ้น ไม่ยอมรักษาอุดมการณ์พรรคการเมือง ซึ่งเรื่องนี้เป็นบทเรียนมาแล้วเมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมา ดังนั้นส่วนตัวจึงขอประกาศลาออก แต่จะไปอยู่ที่พรรคไหนนั้นตอนนี้ยังไม่ได้คิด
ส่วนบรรยากาศการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีรายงานว่าหลังจากการประกาศลาออกของนายอภิสิทธิ์ ปรากฎว่าน.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ในฐานะแคนดิเดตผู้สมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้รับรับเสียงสนับสนุนไม่ถึง 3 ใน 4 ตามข้อบังคับพรรคที่ 31 (6) ทำให้ไม่สามารถเป็นแคนดิเดตได้