สื่อจีนชี้ชัดนักการเมืองไทยจุดยืนโปรตะวันตกส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำของ ทร. ยอมรับ 'สุทิน' แก้ปัญหาอย่างฉลาดเปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต แต่คาดสหรัฐฯ คงไม่ยอมให้ใช้ระบบอาวุธจีนในอาเซียนหมด เชื่อในอนาคตคงกำหนดเงื่อนไขกีดกันเข้มกว่านี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์เกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทยในมุมมองจากสื่อประเทศจีนว่าสำนักข่าวออนไลน์จีน sohu.com ระบุว่ามีเงามืดของนักการเมืองในประเทศไทยที่มีจุดยืนโปรตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำไทย เนื่องจากว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากองทัพเรือไทยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งแผนการเพิ่มเรือฟริเกตจากสี่เป็นแปดลำ การวางแผนเพิ่มเรือดำน้ำ ซึ่งนี่ทำให้เกิดช่องว่างค่อนข้างใหญ่เหล่าทัพไทย ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐบางคนจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแทรกแซงสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนซึ่งเป็นมหาอํานาจการต่อเรือที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
สื่อจีนระบุต่อไปว่าแม้ว่ากองทัพเรือไทยจะซื้อเรือฟริเกตจีนเป็นจำนวนหลากหลายประเภท แต่ฝ่ายนิติบัญญัติก็พยายามขัดขวางไม่ให้ข้อตกลงนี้บรรลุข้อสรุปไปได้ จนกระทั่งในปีนี้พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่และดํารงตําแหน่งสําคัญต่างๆในรัฐบาล รวมไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนายสุทิน คลังแสง ซึ่งได้นำเอาเรื่องเรือดำน้ำจีนกลับมาพูดถึงอีกครั้ง จนโลกภายนอกเชื่อว่าพวกเขาจะ “หันหลังกลับ” ให้กับข้อตกลงนี้
สื่อจีนรายงานต่อไปถึงกรณีที่นายสุทินออกมาให้ข่าวเมื่อวันที่ 21 ต.ค. นำเสนอแผนใหม่ว่าจะระงับการซื้อเรือดำน้ำจากจีนเป็นการชั่วคราว และจะปรับแผนเป็นการซื้อเรือฟริเกตแทนเพราะมีความสามารถใข้งานได้ทั้งใต้น้ำ บนผืนทะเล และบนอากาศ อีกทั้งยังไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มและมีความเมหาะสมกับประเทศไทย โดยตอนนี้ไทยได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะสําหรับเรื่องนี้เพื่อเริ่มการเจรจากับจีน หากจีนเต็มใจก็สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในเดือนหน้า
นายสุทินยังกล่าวในวันนั้นด้วยว่าแม้ไม่ได้ซื้อเรือดําน้ำและเรือฟริเกต แต่กองทัพมีแผนที่จะซื้อเรือลาดตระเวนและการทําเช่นนั้นจะไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของประชาชนและกองทัพเรือ
นักวิเคราะห์เชื่อว่าให้สัมภาษณ์ของนายสุทินดังกล่าว ยังมีความไม่ชัดเจนว่าไทยจะซื้อเรือฟริเกตแบบไหนจากจีนแต่ก็คาดว่าไม่น่าจะเป็นเรือแบบ TYPE 053HT ที่กองทัพเรือไทยมีอยู่แล้ว และน่าจะเป็นเรือที่มีระดับสูงกว่านี้ และแผนของนายสุทินสามารถจะหลีกเลี่ยงจากปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ได้อย่างชาญฉลาดเพราะว่าการส่งออกเรือฟริเกตของจีนนั้นมาถึงการผลิตในระดับชาติแล้ว และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาชิ้นส่วนและส่วนประกอบที่ตะวันตกจัดหามาให้อย่างใด ปัจจุบันเรือฟริเกตที่ผลิตในจีนได้รับการติดตั้งในอย่างน้อย 7 ประเทศโดยมีเรือจํานวน 34 ลํา ทำให้จีนมีข้อได้เปรียบเหนือประเทศตะวันตกในแง่ของคุณภาพและราคา
สื่อจีนระบุต่อไปว่าเป็นที่น่าสังเกตว่าสื่อไทยรายงานข่าวว่านายสุทินไม่ได้มองโลกในแง่ดีนักเกี่ยวกับการทําธุรกรรมจัดซื้อเรือดําน้ำกับจีน เพราะเขากล่าวว่าสถานการณ์ปัจจุบัน "ยากมาก" และก็ไม่ได้ตัดการซื้อเรือดําน้ำจากประเทศอื่น ๆ
“มุมมองของนายสุทินคือค่าใช้จ่ายทางทหารจะต้องมีความคล่องตัว ค่าใช้จ่ายนี้หากสามารถนำไปซื้อเรือฟริเกตได้เป็นผลสําเร็จก็จะสามารถนำไปต่อสู้กับเรือดําน้ำได้อย่างเต็มที่”สื่อจีนรายงาน
สื่อจากประเทศจีนรายงานต่อว่านักวิจารณ์บางคนกล่าวว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยได้แก้ปัญหามาหลายปีด้วยการเปลี่ยนแผนการจัดซื้อ อย่างไรก็ตามการนําเข้าเรือรบจากจีน โดยประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เป็นสิ่งที่สหรัฐอเมริกายอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน พวกเขาจะไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ไปเป็นระบบอาวุธซื่ง Made in China' ดังนั้นฝ่ายตะวันตกอาจใช้ฝ่ายค้านทำหน้าที่หรือออกมากําหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคต
เรียบเรียงจาก:https://www.sohu.com/a/730688468_121400037