สั่งย้าย 40 ตำรวจทางหลวงแล้ว เอี่ยวส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกให้ ส่วนใหญ่ระดับ 'รอง สว.-ระดับชั้นประทวน หัวหน้าตู้ทางหลวงตามสถานี' ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการ ศปก.บก.ทล.จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง มี 12 นาย โดนฟันคดีอาญา เรียกรับสินบน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2566 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ได้ลงนามคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทางหลวง ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก จำนวน 40 นาย ประกอบด้วย รอง ผกก. รอง สว. และ เจ้าหน้าที่ระดับชั้นประทวนให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจทางหลวง (ศปก.บก.ทล.) ก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ก็เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆเป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 40 นาย ที่ถูกย้ายครั้งนี้ส่วนใหญ่ จะเป็น รอง สว. และ เจ้าหน้าที่ระดับชั้นประทวน ที่เป็นหัวหน้าตู้ทางหลวงตามสถานีต่างๆ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวเมื่อเช้าวันเดียวกันว่า ขณะนี้คณะทำงานได้รวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป เป็นข้าราชการตำรวจยศตั้งแต่รองผู้กำกับการลงไป จนถึงชั้นประทวน รวม 40 นาย ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจทางหลวง (ศปก.บก.ทล.) ส่วนจะมีตำรวจยศสูงกว่านี้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เชื่อว่ามี แต่เป็นของหน่วยงานอื่น ซึ่งคณะทำงานของ ปปป. ก็จะทยอยสืบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยืนยันคณะทำงานขยายผลสืบสวนมาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งดูดายกับการแก้ไขปัญหา การสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจะดำเนินการไปเรื่อยๆ คนไหนมีพยานหลักฐานก็ดำเนินการไป คนไหนถูกพาดพิงแต่ผู้ประกอบการยังไม่กล้าให้การเป็นลายลักษณ์อักษรก็ว่าไป แต่ตำรวจก็จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น และจะมีคำสั่งในการดำเนินการออกมาเรื่อยๆ รวมถึงจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือถูกพาดพิงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกแน่นอน เพราะเชื่อว่ายังไม่จบแค่ตำรวจ 40 นายนี้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมายื่นให้เพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับขบวนการรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนและส่วยสติ๊กเกอร์ ได้มีการมอบหมายให้คณะทำงาน ปปป. ดูแลแทน ตนเองมีหน้าที่ดูแลคดีของตำรวจทางหลวง ดำเนินการแยกกันคนละส่วน แต่ยังมีการประสานข้อมูลกันตลอด ซึ่ง ปปป. ก็จะเป็นหน่วยงานหลักในการสืบสวนขยายผล ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีคำสั่งให้ใช้กำลังตำรวจอย่างเต็มในการคลี่คลายสถานการณ์ และสร้างกองบังคับการตำรวจทางหลวงขึ้นมาใหม่ ให้เป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน
“ส่วนกรณีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่นายอัจฉริยะบอกว่าหายไปนั้น ตอนนี้ตนเองก็ยังสับสน และยังไม่มีความชัดเจนว่ารถของกลางอยู่ที่หน่วยงานใด แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังพูดไม่ตรงกันและยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่อยากด่วนสรุปตอนนี้ แต่ได้ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนร่วมกับกรมสรรพสามิต และประสานข้อมูลกันให้มีความชัดเจนก่อน และขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวล ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย” รักษาราชการแทน ผบก.ทล. กล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการแทน ผบก.ทล. ลงนามหนังสือคำสั่งกองบังคับการตำรวจทางหลวง ลงวันที่ 9 มิ.ย.2566 เรื่องโยกย้ายข้าราชการตำรวจทางหลวงต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก และ เรียกรับผลประโยชน์อื่นๆจำนวน 40 นาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำแหน่งรอง ผกก. 1 นาย ตำแหน่ง รอง สว. จำนวน 17 นาย และ เจ้าหน้าที่ระดับชั้นประทวน จำนวน 22 นาย ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศปก.บก.ทล. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ก็เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆเป็นไปด้วยความโปร่งใส
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทั้ง 40 นาย พบในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ถึง 12 นาย ที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่, และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งเป็นผลพวงจากกรณีที่ก่อนหน้าเคยถูกร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องเรียกรับเงินสินบนอื่นๆจากผู้ประกอบการรถบรรทุก