ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'จำนงค์ สาทร' อดีตนายก อบต.ห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ ศรีสะเกษ เบิกจ่ายค่าจ้างก่อสร้าง 4 โครงการ ให้ผู้รับจ้าง ทั้งที่ไม่ได้ดำเนินงาน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี พร้อมพวก 3 ราย-เอกชนโดนด้วยปรับ 4 กระทง 80,000 บาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายจำนงค์ สาทร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ กับพวก 4 ราย คือ นายสุทธศิลป์ สิงหวิโรจน์ นางสาวกรรณิการ์ กิ่งผา นายณัฐวัฒน์ บุญเยี่ยมธนดิลก และบริษัท ชมรม ดร.ทองดี การเกษตรและก่อสร้างหรือเครื่องเขียน จำกัด เบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นค่าจ้างก่อสร้างรวม 4 โครงการ ให้ผู้รับจ้าง ทั้งที่ไม่ได้มีการดำเนินโครงการดังกล่าว
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามมาตรา 147, 157 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายจำนงค์ สาทร จำเลยที่ 1 นายสุทธศิลป์ สิงหวิโรจน์ จำเลยที่ 2 นางสาวกรรณิการ์ กิ่งผา จำเลยที่ 3 นายณัฐวัฒน์ บุญเยี่ยมธนดิลก จำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 147, 157 , 162 (4) ประกอบมาตรา 83 พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 172
การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป และเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุกคนละกระทงละ 5 ปี และปรับ จำเลยที่ 2 และที่ 4 คนละ กระทงละ 10,000 บาท และปรับจำเลยที่ 3 กระทงละ 15,000 บาท
2. บริษัท ชมรม ดร.ทองดี การเกษตรและก่อสร้างหรือเครื่องเขียน จำกัด จำเลยที่ 5 มีความผิด ตาม มาตรา 147, 157, 162 (4) พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบมาตรา 86
การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ความผิดตามมาตรา 147,157 ,162 (4) ประกอบมาตรา 86 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 147 ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
ปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 4 กระทง ปรับ 80,000 บาท
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 ได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
อ่านประกอบ :