กองปราบแถลงผลปฏิบัติการทลาย 16 เป้าหมาย อาณาจักรสารวัตรซัว มาเฟียคาสิโน จับ 3 สมาชิก ยึดทรัพย์ 480 ล้าน พร้อมยกระดับข้อหาเอาผิดจัดให้เล่นการพนันพ่วงฟอกเงิน พบเงินหมุนในบัญชีผู้ร่วมขบวนการ 20 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2566 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ โฆษก บช.ก. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “บุกรัง ยึดทรัพย์ อาณาจักรซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์” หลังกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 16 จุด 6 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. ,นนทบุรี, ลำปาง, อ่างทอง, มหาสารคาม และ มุกดาหาร
จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 3 ราย คือ นายธีรภัทร์ ธรรมบัณดิษฐ์ อายุ 28 ปี นายธนณัฐ มรกต อายุ 32 ปี และ น.ส.ธีรพรรณ รันขน์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันฯ, สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และ ร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมตัวนายธีรภัทร์ ได้ในพื้นที่ จ.อ่างทอง จับกุมนายธนณัฐ ได้ที่ คอนโดแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ กทม. ส่วน น.ส.ธีรพรรณ จับกุมได้ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม พร้อมตรวจยึด รถยนต์หรู 12 คัน, รถยนต์ทั่วไป จำนวน 2 คัน มูลค่าโฉนดที่ดิน จำนวนรวมกว่า 56 ไร่ เงินสด จำนวน 1,052,000 บาท ตุ๊กตาแบร์บริค 3 ตัว , โมเดลการ์ตูน กว่า 100 ตัว สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 3 เล่ม, โทรศัพท์จำนวน 6 เครื่อง โน้ตบุ๊ก จำนวน 3 เครื่อง และ CPU จำนวน 2 เครื่อง รวมมูบค่าของกลางกว่า 480 ล้านบาท
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะมีการเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายเว็บพนันของ “สารวัตรซัว” มาแล้ว 2 ครั้ง จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 6 ราย ยึดทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท แต่ก็ยังคงเร่งขยายผลกวาดล้างจับกุมขบวนการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อกวาดล้างจับกุมให้สิ้นซาก รวมถึงขยายผลหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ และความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ เพราะเชื่อว่ากลุ่มขบวนการนี้ทำกันมาเป็นระยะเวลานาน จนก่อเกิดเป็นองค์กรอาชญากรรม ที่ขยายตัวเป็นธุรกิจเกี่ยวกับพนันออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยมีสารวัตรซัว เป็นผู้ควบคุมสั่งการในเครือข่ายในทุกขั้นตอน รวมถึงเปิดบัญชี และรับโอนเงินจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ก่อนที่จะถ่ายเทโอนเงินที่ได้จากผู้เล่นไปยังบัญชีของกลุ่มพนักงานในเครือข่ายด้วยเช่นกัน จากนั้นทำการถ่ายเทโอเงินที่ได้จากผลกำไรไปยังบัญชีรับโอนเงิน ซึ่งเป็นบัญชีของกลุ่มที่ทำหน้าที่กรรมการหรือผู้ถือหุ้นในเครือบริษัทของสารวัตรซัว เชื่อว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ ตัวการ หรือผู้ได้รับผลประโยชน์จากการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ โดยมี 4 คีย์แมนหลักผู้อยู่เบื้องหลัง ถือหุ้นใน บริษัท เป็นต่อ กรุ๊ป
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าสารวัตรซัว ขายเฟรนไซส์ระบบพนันออนไลน์ให้กับลูกค้าจำนวนมาก มีลักษณะจัดตั้งในรูปแบบบริษัท สนับสนุนในการทำธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับ จำนวน 9 หมาย และขออนุมัติออกหมายค้น จำนวน 16 หมาย เพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญและตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดจนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าวล่าสุดที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ในวันนี้จำนวน 3 ราย และ อายัดตัวนายธีรพงศ์ ทองสุวรรณ หรือ นายจิ๋ว อายุ 34 ปี หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญ ที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก 1 ราย ทำให้ตอนนี้คงเหลือผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนี 5 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงสารวัตรซัวด้วย คาดว่าน่าจะกบดานอยู่ต่างประเทศ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้หนักใจเพราะมีพยานหลักฐานเพียงพอ อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวในลักษณะของการใช้บัญชีรับโอนเงินเว็บพนัน และ จัดการเรื่องการเงิน
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เครือข่ายสารวัตรซัว จัดอยู่ในระดับมาสเตอร์แฟรนไชส์ เพราะฉะนั้นข้อมูลพยานหลักฐาน พยานบุคคล จึงมีจำนวนมาก อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ แต่ทางตำรวจสอบสวนกลางยืนยันว่า เราจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ และ จะยังคงดำเนินการขยายผลต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาจะมีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 31 ราย ยึดทรัพย์กว่า 2,000 ล้านแล้วก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลไกบริหารจัดการเงินรายได้เว็บพนันของเครือข่ายนี้จะมีด้วยกัน 3 แถว หรือ 3 ลำดับขั้น โดยบัญชีแถวที่ 3 จะเป็นบัญชีที่รับเงินจากหน้าเว็บพนัน หรือ ลูกค้า ก่อนโอนส่งต่อให้กับบัญชีแถวที่ 2 จากนั้นบัญชีแถว 2 ก็จะโอนส่งต่อให้กับกลุ่มคีย์แมน ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่จับกุมตัวได้ในวันนี้ ประกอบด้วย นายธีรภัทร์ นายธนณัฐ และ น.ส.ธีรพรรณ นั้นจึงถือเป็นผู้ต้องหากลุ่มสำคัญของเครือข่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินรายได้จากเว็บพนันโดยตรง โดยนายธีรภัทร์ กับ นายธนณัฐ จะทำหน้าที่เป็นบัญชีแถวที่ 2 ส่วน น.ส.ธีรพรรณ จะจัดอยู่ในบัญชีแถวที่ 3 อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้พบมีเงินผ่านเข้าบัญชีมากถึง 125 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวยังถือเป็นการพัฒนาความคืบหน้าการเอาผิดเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์สารวัตรซัวเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเดิมทีหมายจับที่ใช้ในการเอาผิด พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือ สารวัตรซัว นั้นเป็นเพียงหมายจับคดี “ฉ้อโกงประชาชน” แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานแตกแขนงออกเป็นคดีต่างๆจนนำมาสู่การออกหมายจับความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การพนันฯ และความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ เพิ่มเติมอีกคดีครั้งนี้ได้สำเร็จ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าในวันเดียวกันนั้นก่อนหน้านี้ตั้งแต่เวลา 6.00 น.
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 18 จุด ทั่วประเทศ เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาขบวนการเว็บพนันออนไลน์“สารวัตรซัว” จำนวน 9 หมายจับ
โดยเป้าหมายจุดสำคัญอยู่ที่บ้านเลขที่ 111/278, 111/284 ตั้งอยู่ภายในซ.ลาซาล 32 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กทม. บ้านพักของ นายธนณัฐ มรกฏ หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญระดับแถว 2 ของ เครือข่าย“สารวัตรซัว” ที่คอยทำหน้าที่บริหารจัดการเงินที่ได้จากการทำธุรกิจเว็บพนันออนไลน์
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังแบ่งกำลังอีกส่วนเข้าตรวจค้นสถานที่ตั้งสำนักงานบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ซอยรามอินทรา 5 เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งจากปฏิบัติการช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับที่เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวได้แล้วจำนวน 2 ราย จาก ผู้ต้องหาตามหมายจับกลุ่มเป้าหมาย 9 ราย ซึ่งจะมีการสรุปผลการปฏิบัติอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ต่อมา 09.30 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวว่า วันนี้มีการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 16 จุด เพื่อตามจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าว ที่มีการออกหมายจับจำนวน 9 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีบุคคลที่อยู่ในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จำนวน 4 คน จากการตรวจค้นในวันนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้จำนวน 3 ราย ซึ่งในส่วนของ นายธนณัฐ มรกฏ หรือ เบนซ์ อายุ 32 ปี 1 ใน 3 ผู้ต้องหาคนสำคัญที่จับกุมได้ในวันนี้ จากแนวทางสืบสวนพบเป็น 1 ในคีย์แมน คนสำคัญระดับ 2 ดูแลเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ และ เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินมาจากลูกค้าก่อนรวบรวมส่งต่อให้กับกลุ่มขบวนการระดับบน จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีธนาคารของ นายธนณัฐ พบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท