'เศรษฐา ทวีสิน' ประกาศแสดงความบริสุทธิ์ใจลงเล่นการเมือง ขอโอนหุ้นเอกชนทุกบริษัท ล่าสุดพบเพิ่งโอนหุ้นแสนศิริ 661 ล้านหุ้นให้ลูกสาวเมื่อ 8 มี.ค. คิดเป็นสัดส่วน 4.4 เปอร์เซ็นต์
จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการ (กรรมการ/กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหาร) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ได้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย และเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา นายเศรษฐาได้ไพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานการเมือง ผมจึงทำการโอนหุ้นหรือขายหุ้นของผมในบริษัทต่างๆ ลดบทบาทของตนเองในภาคเอกชนลง และได้ดำเนินการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกกรณีครับ" นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ล่าสุด นายเศรษฐา ได้แจ้งข้อมูลรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบรายงาน 59) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2566 นายเศรษฐา ได้ดำเนินการโอนหุ้นจำนวน 661,002,734 หุ้น ให้กับ น.ส.ชนัญดา ทวีสิน บุตรสาวผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว โดยเป็นการโอนให้โดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน และระบุราคาหุ้นว่า 0 บาท
ขณะที่ข้อมูลบนเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ณ วันที่ 30 ส.ค.2565 นายเศรษฐา ถือหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)จำนวน 661,002,734 หุ้น หรือคิดเป็น 4.44% ของทั้งหมด ส่วนราคาหุ้น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)ปิดตลาด ณ วันที่ 9 มี.ค.2566 มีราคาอยู่ที่ 1.86 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าหุ้นที่นายเศรษฐาถืออยู่เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,229.46 ล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา เคยชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราไปแล้วถึงการโอนหุ้นของบริษัทที่ชื่อว่า บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น จำนวน 9,998 หุ้น ไปให้กับ นายนพพร บุญถนอม กรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด
โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า "บริษัทนี้ตั้งมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรก็โอนให้ไป เพราะจะไปเข้าการเมือง ให้ชัดเจนว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้" และการโอนหุ้นบริษัทดังกล่าว ก็เป็นการโอนแบบซื้อขาย