สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงออกมติคัดค้านคำสั่งศาลปกครอง ยันปลด'สืบพงษ์' เหตุถูกเลิกจ้างแล้ว ขาดจริยธรรม-ไม่ตรงคุณสมบัติ ยันไม่มีผลให้กลับนั่งอธิการบดี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2566 ผศ.บุญชาล ทองประยูร ผู้อํานวยการสถาบันการศึกษานานาชาติ กรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคําแหง รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคําแหง ออกประกาศมหาวิทยาลัยรามคําแหง เรื่อง มติการประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคําแหง ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่สภามหาวิทยาลัยรามคําแหง ในการประชุม ครั้งที่ 4/2566 วาระที่ 5.1 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 เรื่อง แจ้งการปฏิบัติตามคําสั่งของศาลปกครอง นั้น สภามหาวิทยาลัยรามคําแหง ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. การประชุมเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ได้รับทราบ มติของสภามหาวิทยาลัยตามการประชุมครั้งที่ 3/2566 วาระที่ 6.11 เมื่อวันที่ 13กุมภาพันธ์ 2566 ตลอดจนหนังสือที่ อว 0601.01/530 เรื่อง แจ้งมติสภามหาวิทยาลัยรามคําแหงแล้ว
และได้มีหนังสือถึง นายกสภามหาวิทยาลัย เรื่องการแจ้งการปฏิบัติตามคําสั่งของศาลปกครอง ซึ่งนายกสภามหาวิทยาลัย ได้เรียกประชุมและให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงในวันนี้แล้ว แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ปฏิเสธเข้าชี้แจง
2. ที่ประชุมเห็นชอบให้ยืนยันมติของสภามหาวิทยาลัย ตามการประชุมครั้งที่ 3/2566 วาระที่ 6.11 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ในการปฏิบัติตามคําสั่งของศาลปกครองกลาง เกี่ยวกับการ ทุเลามติและคําสั่งเกี่ยวกับการถอดถอนผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ให้พ้นจากตําแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคําแหง เนื่องจากเข้าข่ายเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี
ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามข้อ 7(4) ของข้อบังคับของมหาวิทยาลัยรามคําแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ. 2562 ในการประชุมครั้งที่ 21/2565 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565
แต่ทั้งนี้ ภายหลังการถอดถอนดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 มหาวิทยาลัย รามคําแหงได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ จากการเป็นพนักงานของ มหาวิทยาลัย ด้วยสาเหตุจากการที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ได้ใช้คุณวุฒิปริญญาดุษฎีบัณฑิต ที่ไม่ได้รับการรับรองจากสํานักงาน ก.พ. มาใช้สมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตําแหน่งอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ ในการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตําแหน่งอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์มาตั้งแต่ต้น และศาลปกครองกลาง ไม่ได้มีคําสั่งให้คุ้มครองการเลิกจ้างผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ด้วย
ผลของการบอกเลิกสัญญาจ้าง ย่อมถือเป็นเหตุให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ พ้นจากการเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย รามคําแหงและตกเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการดํารงตําแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยรามคําแหง 23 แห่ง พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคําแหง พ.ศ. 2541
ประกอบกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 4,18และ 65/2 กําหนดให้อธิการบดีเป็นตําแหน่งประเภทผู้บริหารและผู้ที่จะดํารงตําแหน่งอธิการบดีได้จะต้องเป็น ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาหรือต้องเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
เมื่อผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ พ้นจากการเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยรามคําแหงแล้ว จึงไม่มีสถานะใด ๆ รองรับให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ สามารถกลับเข้ามาดํารงตําแหน่งอธิการบดีได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ยังเข้าข่ายเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรม อันดี เนื่องจากขาดจริยธรรมและไม่ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามข้อ 7(4) ของข้อบังคับ ของมหาวิทยาลัยรามคําแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ. 2562ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ จึงไม่สามารถที่จะทําหน้าที่อธิการบดีได้อีกต่อไปเช่นเดียวกัน
3. เนื่องจากคําสั่งทุเลาการบังคับของศาลปกครองกลางมิได้ระบุว่าให้มีผลย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งเป็นวันที่สภามหาวิทยาลัยรามคําแหงมีมติให้ถอดถอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตําแหน่งอธิการบดี จึงต้องถือว่าคําสั่งทุเลาการบังคับ ของศาลปกครองกลางมีผลนับตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566
ซึ่งเป็นวันที่ศาลปกครองกลางแจ้งคําสั่ง ให้ผู้ถูกร้องทราบ ตามข้อ 72 วรรคท้าย ของระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 และการทุเลาการบังคับมีผลเฉพาะตัวผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ เพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้ที่ดํารงตําแหน่งรองอธิการบดี
ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ดํารงตําแหน่งอธิการบดีนั้น ย่อมไม่ได้รับการคุ้มครองการทุเลาตามคําสั่งของศาลปกครองกลางด้วยรองอธิการบดีทั้งหมดดังกล่าว ต้องพ้นจากตําแหน่ง นับแต่วันที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ถูกถอดถอนออกจากตําแหน่งอธิการบดี คือตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป ตามมาตรา 23 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคําแหง พ.ศ. 2541
4. ที่ประชุมเห็นชอบให้แจ้งยืนยันมติที่ประชุม ต่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ไม่อาจดํารงตําแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคําแหง ในขณะนี้ได้
5. ที่ประชุมเห็นชอบให้รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคําแหง ทําประกาศ มติสภามหาวิทยาลัยแจ้งเวียนให้บุคลากรในหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยรามคําแหงทราบและถือปฏิบัติ โดยทั่วกันและหากผู้ใดกระทําการฝ่าฝืนมติดังกล่าว ให้มหาวิทยาลัยดําเนินการทางกฎหมายต่อไป
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันและขอให้ถือปฏิบัติต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566