อัยการไต้หวันส่งฟ้องสามีภรรยาขโมยข้อมูลส่วนบุคคลจากต่างประเทศรวมถึงไทย มาลงทะเบียนซิมก่อนขายให้เครือข่ายอาชญากรอีกทีหนึ่ง พบพฤติการณ์ใช้ธุรกิจขายของออนไลน์บังหน้า ติดต่อกลุ่มจารกรรมข้อมูล ก่อนนำข้อมูลไปลงทะเบียนซิมแล้วขายให้เครือข่ายอาชญากรรม รายได้ประมาณ 3 แสนต่อเดือน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวอาชญากรรมในต่างประเทศที่มีส่วนโยงมาถึงประเทศไทยว่าสำนักข่าวไทเปไทม์สของไต้หวันได้รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา อัยการเขตไทจงได้มีการตั้งข้อหากับคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในข้อหาว่าขายข้อมูลส่วนบุคคลให้กับกลุ่มเครือข่ายขบวนการอาชญากรที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั้งจากในไต้หวัน ในจีน และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือว่าอาเซียน
โดยกรณีดังกล่าวนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่บุกจับกุมกลุ่มอาชญากรทางด้านโทรคมนาคมเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา พบข้อมูลเอกสารและไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่อยู่ในประเทศจีน
เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ตั้งข้อสงสัยว่าข้อมูลที่ว่ามานั้นถูกใช้ในการดำเนินการหลอกลวงบุคคลสัญชาติจีนผ่านการโทรศัพท์ จึงได้นำไปสู่การติดตามตัวผู้หญิงคนหนึ่งที่มีนามสกุลว่าลู่ และแฟนหนุ่มของเธอที่มีนามสกุลว่าโชว ตามคำให้สัมภาษณ์ของ นาย ฉาง ชิห์ เซียง เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองไถจง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นที่พักอาศัยของสามีภรรยาคู่นี้ในเมืองไทจง เมื่อปี 2565 และได้ยึดซิมการ์ดแบบเติมเงิน 94 ใบ โทรศัพท์มือถืออีก 7 เครื่อง และเงินสดไม่ระบุจำนวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้นั้นได้มีการลงทะเบียนซิมการ์ดแบบเติมเงินดังกล่าวเพื่อใช้มันในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนที่จะขายซิมการ์ดไปให้กับกลุ่มอาชญากรด้วยราคาต่อเดือน 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (340,733 บาท)
อัยการจึงตั้งข้อหาทั้งคู่ว่าฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญาและพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวต่อไปว่านางลู่นั้นได้เริ่มทำธุรกิจออนไลน์ในช่วงปี 2564 โดยเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขายกระเป๋าหรูหรา นาฬิกา และเครื่องสำอางจากต่างประเทศ ซึ่งการทำธุรกิจดังกล่าวส่งผลทำให้เธอสามารถรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของบรรดาลูกค้ามาได้
โดยในข้อกล่าวหาระบุว่าเธอได้ขอให้นายโชวไปเจรจากับกลุ่มอาชญากรเพื่อจะขายข้อมูลดังกล่าว ซึ่งทั้งสองสามีภรรยานั้นตระหนักดีว่าพวกเขาจะถูกใช้ให้ไปอยู่ในขบวนการฉ้อโกงทางโทรศัพท์ ซึ่งในเวลาต่อมา มีการกล่าวหาว่าสองสามีภรรยานั้นได้มีการติดต่อไปยังกลุ่มอาชญากรที่มุ่งเน้นไปที่การขโมยข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะเพื่อซื้อข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มอาชญากรเหล่านี้และขายข้อมูลดังกล่าวไปให้กับกลุ่มเครือข่ายอาชญากรที่มีส่วนในการฉ้อโกงอีกทอดหนึ่ง
เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวต่อไปว่าพวกเขาพบบันทึกเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่อยู่ในไต้หวัน,จีน,ฮ่องกง,ไทย และประเทศอื่นๆในอาเซียน
โดยกระบวนการฉ้อโกงนั้นนางลู่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมานั้นดำเนินการลงทะเบียนกับซิมการ์ด โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยแล้วก็จะขายซิมการ์ดเหล่านี้ไปให้กับกลุ่มอาชญากร ซึ่งในระหว่างนี้เธอก็จะดำเนินธุรกิจขายของออนไลน์ควบคู่ไปด้วย ส่วนผู้ที่เจรจาขายข้อมูลให้กับกลุ่มอาชญากรนั้นก็ได้แก่นายโชว
ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามคู่สามีภรรยาคู่นี้มาโดยตลอด และได้มีการบันทึกการสนทนาตอนหนึ่งระบุว่านายโชวนั้นได้มีการบอกกับกลุ่มอาชญากรว่าเขาได้ขายซิมการ์ดได้เป็นจำนวนอย่างน้อย 200-300 ใบต่อเดือน และเขาต้องการจะขยายปฏิบัติการณ์ให้ได้มากกว่านี้
มีรายงานด้วยว่าพบว่าชายคนหนึ่งที่ซื้อซิมการ์ดกับสามีภรรยาคู่นี้นั้นถูกหมายเรียกในข้อหายาเสพติด แต่ก็ถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมาหลังจากที่มีการสอบปากคำแล้ว
เรียบเรียงจาก:https://www.taipeitimes.com/News/taiwan/archives/2023/02/17/2003794518,https://tw.news.yahoo.com