'ลวรณ แสงสนิท' อธิบดีกรมสรรพากร แจงเป็นทางการคดีโกงคืนภาษี 800 ล้าน กรณีบางเสาธง ยันตรวจสอบแล้วพบตัวเลขความเสียหายจริง 159 ล้าน แจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องพร้อมส่งเรื่องป.ป.ช.สอบต่อเหตุทุจริตต่อหน้าที่ ให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่ 9 ธ.ค. 2565 แล้ว ชี้พนง.แบงก์ไม่น่ามีเอี่ยว เพราะคนกระทำผิดแก้ชื่อบนเช็ค
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าล่าสุด กรณี กรมสรรพากร ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวโทษ สรรพากรอำเภอบางเสาธงรายหนึ่ง ในคดีโกงภาษีที่คืนให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยมีพฤติการณ์แก้ไขเช็คเอาเงินเข้าบัญชีตัวเอง รวมมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท หลังจากมีการตรวจสอบพบเมื่อเดือน ก.ค.2565 ที่ผ่านมา เบื้องต้นหลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรบางเสาธง ได้ส่งสำนวนคดีไปให้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรปราการ รับไปดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อแล้ว
- โกงคืนภาษี 800 ล.! สรรพากร กล่าวโทษ จนท.บางเสาธง แก้ไขเช็คเอาเงินเข้าบัญชีตัวเอง (1)
- ไม่ใช่แค่สรรพากรอำเภอ! พฤติการณ์โกงคืนภาษี800 ล. มีผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า3 ราย คอยช่วย (2)
ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราเป็นทางการแล้ว ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นในคดีนี้ทั้งหมดประมาณ 159 ล้านบาท โดยได้มีการดำเนินคดีความกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว เพราะถือว่าทุจริตต่อหน้าที่ และให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า ขบวนการนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารน่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ นายลวรณ ชี้แจงว่า "ไม่น่าเกี่ยวข้อง เพราะคนกระทำผิดแก้ชื่อบนเช็ค"
"กรมสรรพากร ไม้ได้นิ่งนอนใจกับกรณีนี้ และได้ลงโทษขั้นหนักสุดที่ทำได้แล้ว ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมจะให้นาย นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร เป็นคนชี้แจงต่อไป" นายลวรณระบุ
@นายลวรณ แสงสนิท
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้พยายามติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปยัง นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ แล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้
ขณะที่ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้เดินทางไปยัง สรรพากรอำเภอบางเสาธง เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โดย น.ส.นราภรณ์ พุทธสังฆ์ สรรพากรอำเภอ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางเสาธง ชี้แจงเพียงแค่ว่า "เพิ่งย้ายมาประจำการอยู่ที่นี่เลยไม่ทราบเลยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ส่วนรายละเอียด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ให้ทางผู้บริหารกรมสรรพากรเป็นผู้ชี้แจงดีกว่า"
สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางเสาธง
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยรายงานไปแล้ว จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ มีจำนวน 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นสรรพากรอำเภอบางเสาธง ที่เป็นคนแก้ไขเช็คเอาเงินเข้าบัญชีตัวเองที่ธนาคารกรุงไทย สาขาบางเสาธง ส่วนที่สอง เมื่อเงินเข้าบัญชีแล้ว ผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 3 ราย จะแยกกันไปทำเรื่องถอนเงินจากบัญชีที่ธนาคารสาขาใกล้เคียง ซึ่งในขั้นตอนการฝากถอนเงิน มีการตั้งข้อสังเกตว่าขบวนการนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ เพราะตามขั้นตอนธุรกรรมทางการเงิน หากมีการแก้ไขข้อมูลเช็คจะต้องมีการแจ้งให้ผู้สั่งจ่ายรับทราบด้วย
ปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรปราการ รับไปดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อแล้ว มีการอายัดบัญชีของสรรพากรอำเภอบางเสาธงที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีเงินเหลือในบัญชีน้อยมาก