ร้อง 'อิศรา' ผกก.2 สันติบาล ถูกสั่งเด้งเดือน มิ.ย. เซ่นคดีลูกน้องรีดไถแก๊งเงินกู้นอกระบบ ผ่านไปไม่กี่เดือนเปลี่ยนชื่อใหม่หวนคืนตำแหน่งเดิมลงนามคำสั่งโยกย้าย-ด้าน ผบช.ส. แจงทราบเรื่องแล้วรับเป็นคนเดียวกันจริง กำลังเร่งตรวจสอบ-ดำเนินการทางวินัย ย้ำเรื่องนี้ต้องทำให้รอบคอบ-ขณะเจ้าตัวแจงถูกสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวปมลูกน้องเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนเรื่องเปลี่ยนชื่อเป็นเรื่องปกติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักข่าวอิศราได้รับการร้องเรียนกรณีนายตำรวจระดับพันตำรวจเอกนายหนึ่งที่ถูกสอบสวนและย้ายออกจากตำแหน่งเดิมด้วยข้อกล่าวหาว่าชุดตำรวจที่ดำเนินการจับกุมนั้นมีส่วนในการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบเมื่อเดือน มิ.ย. กลับเข้ามาในตำแหน่งเดิม จึงอยากให้สำนักข่าวอิศราช่วยตรวจสอบ
ผู้ร้องเรียน ระบุว่า ประเด็นนี้สืบเนื่องจากที่เป็นข่าวหลายสำนักเมื่อต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า พล.ต.ต.อุดร วงษ์ชื่น ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ลงนามในคำสั่งกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ที่ 174/2565 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ที่ 173/2565 ตั้งกรรมการสอบ ร้อยตำรวจเอก ชูสกุล รองสารวัตร กองกำกับการ 2 กองบังคับการสันติบาล 1 กับพวกรวม 7 นาย กรณีผู้ไปร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี ว่าถูกตำรวจสันติบาลชุดจับกุม เรียกรับผลประโยชน์ โดยในบันทึกจับกุม มี พ.ต.อ.ปาณัฏฐ์ภูมิ อัครเดชะนนท์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 เป็นผู้อำนวยการการจับกุม
เพื่อให้การตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 15,72,และ 75 จึงให้ พันตำรวจเอกปาณัฎฐ์ภูมิ อัครเดชะนนท์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ไปปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่จากตำแหน่งเดิม
(อ้างอิงข่าวส่วนหนึ่งจากคมชัดลึก)
ผู้ร้องเรียน ระบุว่า อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ปรากฎข้อมูลเอกสารมอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปปฏิบัติหน้าที่ฉบับหนึ่งลงวันที่ 30 ก.ย. ที่ลงนามโดยพันตำรวจเอกที่มีนามสกุลคล้ายกับ พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิ อัครเดชะนนท์ที่ถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ว่ามีการเปลี่ยนชื่อไม่ให้เหมือนกัน
อีกทั้งตำแหน่งหน้าที่ของนายตำรวจคนนี้ก็ยังระบุว่าเป็นผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ซึ่งเป็นตำแหน่งก่อนหน้าที่ พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิ จะถูกสั่งโยกย้ายไปด้วย (ดูเอกสารประกอบ)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้
พล.ต.ท.อภิชาติ ให้ข้อมูลว่า นายตำรวจที่มีการเปลี่ยนชื่อ อยู่ในเอกสารมอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจกับตำรวจที่ถูกโยกย้ายเมื่อเดือน มิ.ย.นั้นเป็นคน ๆ เดียวกันจริงๆ ซึ่งเรื่องนี้ทางสันติบาลกำลังดำเนินการอยู่ ขอให้รอสักพัก โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการทางปกครองที่จะต้องไปดำเนินการ ซึ่งส่วนตัวก็ได้มีการเร่งรัดไปแล้ว
เมื่อถามถึงความปลอดภัยของผู้ร้องเรียน กลุ่มผู้ที่ถูกเรียกทรัพย์จะมีมาตรการคุ้มครองอย่างไร พล.ต.ท.อภิชาติกล่าวว่า "กระบวนทางปกครองก็คงจะมีออกมาเร็วๆนี้ ขอเรียนว่าเรื่องนี้ผู้ใหญ่ ทางเบื้องบนทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี"
เมื่อถามว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร กับกรณีการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว แต่ว่าไม่กี่เดือนก็กลับมาประจำอยู่ในตำแหน่งเดิม พล.ต.ท.อภิชาติ กล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล แต่เราก็กำลังเร่งรัดอยู่ ขอให้ใจเย็นๆ ส่วนตัวก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ แต่ว่ามันก็มีกระบวนการอยู่ ซึ่งเราก็ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ"
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับกรณีการสอบสวนข้อกล่าวหาการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบ รวมไปถึงการเปลี่ยนชื่อกลับมารับตำแหน่งผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 อีกครั้ง ปัจจุบันยังไม่มีผลสรุปว่า พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิ มีการกระทำความผิดแต่อย่างใด พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าว ในเวลาต่อมา ได้มีผู้ซึ่งระบุว่าเป็นทนายความของ พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิ มาชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราระบุในสาระสำคัญว่า พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิ ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ชุดตำรวจที่ทำการจับกุมได้ดำเนินการเรียกรับผลประโยชน์ จึงเป็นเหตุทำให้สามารถกลับมายังตำแหน่งเดิมได้ ส่วนการที่ พ.ต.อ.ปาณัฎฐ์ภูมิได้มีการเปลี่ยนชื่อก็เป็นเพราะว่าเป็นความต้องการส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีข่าวการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด