ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหาข้าราชการเจ้าหน้าที่ชลประทานศรีสะเกษ ตรวจรับงานจ้างเหมาก่อสร้างสถานีสูบน้ำไม่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา ในส่วนนายช่างอาวุโส พวกอีก 5 ราย ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษา ลงโทษจำคุกละ 1 ปี 6 รายหนึ่งโดน 12 เดือน แต่ได้รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีข้าราชการเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานศรีสะเกษ ตรวจรับงานโครงการจ้างเหมาก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านขนุน 2 ตำบลขนุน อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ถูกต้องควบถ้วนและเบิกจ่ายเงินแก่ผู้รับจ้างทั้งที่งานก่อสร้างไม่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา
ในส่วนคดีของ นายวีระเดช อินทร์ประสิทธิ์ นายช่างชลประทานอาวุโส จำเลยที่ 1 นายรองฤทธิ์ สมหวัง จำเลยที่ 2 นายอมรศักดิ์ สุขแสวง จำเลยที่ 3 นายจริมเทพ ศรีจำปา จำเลยที่ 4 นายสุรชัย วันศรี จำเลยที่ 5 และ นางสาวทิพย์วิภา สิงห์สมบัติเตชะ จำเลยที่ 6
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 และ 90 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายวีระเดช อินทร์ประสิทธิ์ นายช่างชลประทานอาวุโส จำเลยที่ 1 นายรองฤทธิ์ สมหวัง จำเลยที่ 2 นายอมรศักดิ์ สุขแสวง จำเลยที่ 3 นายจริมเทพ ศรีจำปา จำเลยที่ 4 นายสุรชัย วันศรี จำเลยที่ 5 และ นางสาวทิพย์วิภา สิงห์สมบัติเตชะ จำเลยที่ 6 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป
จำเลยทั้ง 6 ราย รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คงจำคุก นายวีระเดช อินทร์ประสิทธิ์ นายช่างชลประทานอาวุโส จำเลยที่ 1 นายรองฤทธิ์ สมหวัง จำเลยที่ 2 นายอมรศักดิ์ สุขแสวง จำเลยที่ 3 นายจริมเทพ ศรีจำปา จำเลยที่ 4 นายสุรชัย วันศรี จำเลยที่ 5 คนละ 1 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 29,992.50 บาท
จำคุก นางสาวทิพย์วิภา สิงห์สมบัติเตชะ จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 12 เดือน และปรับ 19,995 บาท
โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม 2565 ได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ