ตำรวจ PCT รวบ 'เบียร์ บ้านแพ้ว' แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย หลอกผู้เสียหายกว่า 150 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2565 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสิบสวนสอบสวนนครบาบ (ผบก.สส.บช.น.) เปิดเผยว่า ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดที่ 5 (ศปอส.ตร.) หรือ PCT 5 จับกุม นายชลวิชา ปานสมุทร หรือเบียร์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 19 ม.4 ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ทำหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 ที่ปลอมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2298/2565 ลงวันที่ 28 ต.ค. 65 ได้ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ต.สนับทึบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา
พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวน 16 รายการ ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร ทองรูปพรรณ เงินสด นาฬิกา และโทรศัพท์มือถือ โดยกล่าวหาว่า 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดยทุจริตฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และร่วมกันฟอกเงินฯ'
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวต่อว่า ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 รวบรวมพยานหลักฐานยื่นต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 58 หมายจับ ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วย ผบ.ตร./ผบช.กองบัญชาการรักษาความมั่นคงภายใน ตำรวจกัมพูชา และคณะ มาพบ ผบ.ตร.โดยวางแนวทางหารือเพื่อปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว และมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า ผู้ที่เป็น “มือเชือด” ที่หลอกลวงให้โอนเงินในขั้นตอนสุดท้าย หรือเรียกว่าสายสามทั้ง 2 คดีได้เงินไปกว่า 150 ล้านบาท คือ นายชลวิชา ผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 ที่ปลอมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คือผกก.สภ.เมืองเชียงราย ในขบวนการนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนนำมาสู่การออกหมายจับ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2298/2565 ลงวันที่ 28 ต.ค. 65 จึงประสานงานเร่งรัดให้ทางการประเทศกัมพูชาดำเนินการ จนเมื่อวันที่ 17 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT เดินทางไปยังเมืองปอยเปต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชา เข้าปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว แต่ไปถึงพบว่าหัวหน้าชาวไต้หวันได้สร้าง “ทางลับ” นำพาพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนไทยหลบหนีออกไปจากตึกระหว่างที่เข้าตรวจค้นตึก โดย นายชลวิชา หรือ 'มือเชือด 150 ล้าน' หลบหนีออกจากตึกไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT 5 จนสืบทราบว่า เดินทางกลับประเทศไทย และเข้าจับกุมตัวดังกล่าว
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าชั้นจับกุม นายชลวิชา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ร่วมกันกับพวก หลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยเริ่มต้นข้ามไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำเรื่อยมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 ซึ่งช่วงเดือน ก.พ.2565 ถูกย้ายตึกทำงานประตูดำ และเริ่มหลอกลวงเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์สาย 2 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ยศร้อยตำรวจโท แต่เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่ง หัวหน้าชาวไต้หวันเห็นถึงความสามารถในการเชือด ได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่สาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ยศพันตำรวจเอก ตั้งแต่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงผู้เสียหายได้ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน และเคสใหญ่ๆ ที่หลอกได้มี 3 ครั้ง คือ
-
ช่วงประมาณ เดือน เม.ย.2565 หลอกลวง นางอำภา ข้าราชการครูเกษียณ ได้ประมาณ 11 ล้านบาท
-
ช่วงประมาณ เดือน ก.ค.2565 หลอกลวง นายชาญชัย นักลงทุนหุ้น ได้ประมาณ 41 ล้านบาท
-
ช่วงประมาณ ต้นเดือน ต.ค.2565 หลอกลวง นางรัชนี เป็นหมอ อยู่เมืองชุมพร ซึ่งเป็นเคสล่าสุดที่ได้หลอกลวง โดยรับว่าเป็นผู้หลอกลวงหลักในเคสนี้ และมีเพื่อนชื่อ เต๋า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ช่วยพูดคุยหลอกลวงด้วย ได้ประมาณ 101 ล้านบาท
แก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มีพนักงานเป็นคนไทยประมาณ 50-60 คน ในส่วนของเงินเดือนที่ได้การทำงานตั้งแต่เริ่มงาน ช่วง 1-3 เดือนแรก จะได้เงินเดือนประมาณ 20,000 บาท แต่ภายหลังเป็นพนักงานเก่า จึงได้ปรับเงินเดือนเพิ่มเป็น 30,000 บาท และได้ค่าคอมมิชชั่นจากการหลอกลวง 3% และคอมมิชชั่นล่าสุดที่สามารถหลอกลวงได้ 101 ล้าน ได้เงินสดมา 2 ล้านบาท และเคสเก่าที่เคยหลอกลวงได้ 40 ล้านบาท ตนได้เงินประมาณ 1,400,000-1,500,000 บาท และเคสเก่าที่เคยหลอกลวงได้ 10 ล้านบาท ได้เงินสด 300,000 บาท โดยรวมทั้งหมดที่ทำงานมาได้เงินมาทั้งหมดประมาณ 4,000,000 บาท โดยตอนหลบหนีกลับมาที่ประเทศไทยได้พกเงินสดติดตัวไว้ 600,000 บาท โดยเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย นำเงินมาใช้สร้างบ้านรวมประมาณ 1 ล้านบาท แบ่งให้ญาติใช้จ่าย รวม 1 ล้านบาท นำไปซื้อทองรูปพรรณมาเก็บไว้ประมาณ 5 แสนบาท ที่เหลือได้นำมาใช้จ่ายส่วนตัวและส่วนหนึ่งได้นำไปใช้เล่นพนันออนไลน์ เพื่อความสุขส่วนตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจับกุมนาย ชลวิชา พล.ต.ต.ธีรเดช พร้อมชุดปฎิบัติการ 5 ศปอส.ตร. ติดตามขยายผลการจับกุม เส้นทางการเงินเพื่ออายัดเงินที่ผู้ต้องหาได้จากการหลอกลวงมาทั้งหมด และให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเงินจำนวน 41 ล้านบาท และผู้เสียหายอดีตแพทย์ ที่ถูกหลอกลวงกว่า 100 ล้านบาท มายืนยันเสียง ซึ่งทั้งสองได้ยืนยันว่าเสียงของนายชลวิชา ที่ทั้งสองถูกหลอกลวงจริง จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และติดตามยึดทรัพย์สินต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวด้วยว่า มือเชือด 150 ล้านบาท รายนี้ มีเทคนิควิธีการที่จะสร้างความกลัวให้เหยื่อ มีวิธีการหลอกลวงได้อย่างแนบเนียนกว่าพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนอื่น จนได้รับความไว้วางใจจากบอสชาวไต้หวัน ถือเป็นบุคคลที่เป็นภัยสังคม สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยด้วยกัน
"ขอเตือนประชาชนที่คิดจะไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์ให้ทราบว่า ไม่ว่าอย่างไร สักวันหนึ่งพวกคุณจะต้องถูกจับ พวกคุณจะต้องกลับมาแบบอาชญากร มิใช่เหยื่อ และจะต้องถูกยึดทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด และขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนคนไทยอย่าได้หลงเชื่อกลวิธีเหล่านี้ ท่านจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หรือหากท่านมีเบาะแสสามารถติดต่อไปยัง สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com นอกจากนี้ยังได้จัดทำรูปแบบแผนประทุษกรรมของคนร้าย เพื่อให้ประชาชนรับรู้ โดยสามารถเข้าไปติดตามได้ที่ www.pctpr.police.go.th" พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว