เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'ยุ่น พิลาแดง' อดีตนายก อบต.ไพบูลย์ อุบลราชธานี เรียกรับเงินประโยชน์ตอบแทนจ่าย โบนัส พนง. ประจำปี 2558 ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน พวก 1 ราย ได้รอลงอาญา -ป.ป.ช.ค้าน อสส.ขอฎีกาสู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายยุ่น พิลาแดง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไพบูลย์ อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี กับพวก คือ นางพัชรี พิลาแดง และนายสนอง บุญเพิ่ม เรียกรับ เงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2558
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157 ประกอบมาตรา 86 และพ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และตามมาตรา 192 พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 มาตรา 123/2 ประกอบ พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และตามมาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าคดี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายยุ่น พิลาแดง จำเลยที่ 1 นางพัชรี พิลาแดง จำเลยที่ 2 นายสนอง บุญเพิ่ม จำเลยที่ 3 มีความผิด
จำคุก นายยุ่น พิลาแดง จำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี
จำคุก นางพัชรี พิลาแดง จำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน
จำคุก นายสนอง บุญเพิ่ม จำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666.67 บาท
นายยุ่น พิลาแดง จำเลยที่ 1 นางพัชรี พิลาแดง จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง
คงจำคุก นายยุ่น พิลาแดง จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน
จำคุก นางพัชรี พิลาแดง จำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน
ส่วนนายสนอง บุญเพิ่ม จำเลยที่ 3 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 2 เดือน 20 วัน และปรับ 44,444.45 บาท
โทษจำคุกนายสนอง บุญเพิ่ม จำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 66,666,.67 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คง ปรับ 33,333.33 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 มีมติไม่เห็นชอบในการที่ให้อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยขอให้ฎีกาในประเด็นรอการลงโทษสำหรับจำเลยที่ 2
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต