ดีเอสไอ-ปปง.เดินหน้าคลีคลายคดีทุจริตฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันตัดกระแสไฟฟ้าโรงงานคลองท่อมมีหนังสือถึง 10หน่วยงานใน กระบี่ ล่าสุดพบกลุ่มผู้ต้องหาใช้เครื่องปั่นไฟสำรองสกัดน้ำมันปาล์ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 นี้ นายสมชาย เพทจิตร ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความคืบหน้าของการคลีคลายคดีการทุจริตฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ของอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสาวนปาล์มและเครือข่าย โดยที่ทราบว่า เจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน ติดตามเส้นทางการเงิน และ เส้นทางทรัพย์ของกลุ่มผู้ร่วมกันกระทำความผิดและเครือข่ายแล้ว โดยที่ได้เรียกพยานจำนวนหลายรายไปสอบสวนที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ขณะที่สำนักงานการไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ ได้ตัดกระแสไฟฟ้าของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อมแล้ว แต่ กลุ่มผู้ต้องหายังคงใช้โรงงานในการเดินเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มโดยเครื่องไฟฟ้าสำรอง ขณะเดียวกันทราบข่าวว่ากลุ่มผู้ต้องหายังคงใช้ความพยายามในการหาวิธีการในการครอบครองและใช้ทรัพย์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำความผิดคือโรงงานคลองท่อมไปสกัดน้ำมันปาล์มต่อเนื่องซึ่งจากการที่การไฟฟ้าตัดกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานแล้ว แต่กลุ่มผู้กระทำความผิดยังคงพยายามในการเดินเครื่องจักรจึงส่งผลกระทบต่อความเสียหายต่อเครื่องจักรอย่างรุนแรง ซึ่งชุมนุมสหกรณ์จะมีหนังสือถึงหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เร่งรัด ปปง.รีบดำเนินการในส่วนของการยึดทรัพย์ให้รวดเร็วขึ้น
ขณะที่นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้รับทราบว่า กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐในฐานะพนักงานสอบสวน ว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้มีหนังสือ แจ้งหน่วยงานต่างๆในพื้นที่จังหวัดกระบี่ 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับดำเนินการของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม เพื่อแจ้งให้ทุกหน่วยงานทราบเป็นทางการว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ยึดอายัดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม ซึ่งปัจจุบันกรรมสิทธิ์ยังเป็นของ ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่แล้ว จึงอาศัยอำนาจ ตาม มาตรา 22/1 พรบ dsiให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการดำเนินงานของโรงงานตามอำนาจหน้าที่ และหากพบการกระทำความผิดขอให้บังคับใช้กฎหมายกับการใช้โรงงานและแจ้งผลการดำเนินการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทราบ
ขณะเดียวกันสั่งการให้ นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาคพื้นที่ 8 ประสานข้อมูลการดำเนินคดีทางแพ่งที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดกระบี่ เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องว่ามีผู้ฟ้องคดี กลุ่มบุคคลต่างๆ มีเส้นทางการเงินไปเกี่ยวข้องส่วนหนึ่งส่วนใดในการกระทำความผิดในคดีความผิดมูลฐาน ตาม กฎหมายฟอกเงิน หรือไม่อย่างไร เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีและติดตามทรัพย์สินคืนให้กับชุมนุมสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า 10 หน่วยงานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีหนังสือถึงประกอบด้วย สหกรณ์จังหวัดกระบี่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ องค์การบริหารส่วนตตำบลคลองท่อมเหนือ องค์การบริหารส่วนตำบลพรุดินนา สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ สำนักงานโครงการชลประทานจังหวัดกระบี่ และผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่