'ปชป.-สร้างอนาคตไทย' จี้ กกต.กำหนดให้ชัด ระเบียบหาเสียงอะไรทำได้ทำไม่ได้ ชี้คำชี้แจง กกต.แต่ละจังหวัดไม่ตรงกัน ด้านสร้างอนาคตไทยหวั่น ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบเพราะลงพื้นที่ได้แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งและระเบียบของ กกต. และเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองก็พร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่ออกมา
แต่ที่หลายพรรคการเมืองออกมาตั้งคำถามถึงแนวทางปฏิบัติต่างๆ ตามระเบียบนั้น เพราะยังมีความไม่แน่ใจถึงการทำตามระเบียบว่าเรื่องไหนทำได้ ทำไม่ได้ แค่ไหน อย่างไร
จึงขอเสนอให้ กกต. ปรับปรุงการทำงานเพื่อให้พรรคการเมืองและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน 3 ประการ ดังนี้
1. ขณะนี้พบว่า คำชี้แจงของ กกต. ในพื้นที่แต่ละจังหวัดมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกัน และคำชี้แจงบางเรื่อง กกต. ในบางจังหวัดชี้แจงคลาดเคลื่อนไปจาก กกต.กลาง จึงขอให้ กกต. ทำข้อสรุปแนวทางปฏิบัติให้ กกต. ทุกระดับชี้แจงให้ตรงกันทั่วประเทศ
2. เนื่องจากการปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะฝ่ายการเมืองเท่านั้น ยังมีหน่วยงานราชการ องค์กร บุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีความไม่แน่ใจในการปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายกกต. จึงควรตั้งศูนย์ประสานงาน หรือ Call Center พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อทุกฝ่ายจะได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย
3. กกต. ต้องติดตามตรวจสอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายของฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ กระทรวง องค์กร บุคคล ทั้งในระดับท้องถิ่น ท้องที่ ภูมิภาค และประชาชนอย่างตรงไปตรงมา เท่าเทียมกัน ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า การมีระเบียบและกฎหมายเลือกตั้งออกมาบังคับใช้ ก็เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม องค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย คือ กกต. ถือเป็นหัวใจสำคัญส่วนหนึ่งของการทำให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม
จึงขอให้ กกต. ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างจริงจัง เท่าเทียมกัน ซึ่งจะช่วยทำให้การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในวันเดียวกันนี้เอง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ประธานภาคกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างลงพื้นที่เปิดศูนย์ประสานงานเขตมีนบุรี กทม. ร่วมกับนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค
โดยนายสุรนันทน์ กล่าวตอนหนึ่งยังได้เรียกร้องไปยัง กกต. หลังมีประกาศแนวทางวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. เข้าสู่กรอบ 180 วัน ก่อนสภาครบวาระ ว่า ควรรีบให้ความชัดเจนในทุกๆ เรื่อง ไม่เช่นนั้นทั้งประชาชนและพรรคการเมืองจะเกิดความสับสนได้ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง กฎกติกา การหาเสียง ป้ายหาเสียง หรือแม้แต่การหาเสียงด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถ้า กกต.ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ฝ่ายที่ได้เปรียบก็ คือรัฐบาล และผู้มีอำนาจของรัฐ เพราะขณะนี้สามารถทำทุกอย่างได้ในนามของรัฐ แจกของได้ ลงพื้นที่ได้ ขึ้นป้ายได้ แต่ในขณะที่พรรคอื่นๆ ทำได้แค่เพียงเยี่ยมเยียน แสดงความเห็นใจ แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนได้เลย