ศาลภาษีพิพากษาโตโยต้าแพ้คดีภาษีพรีอุส 1.16 หมื่น ล. ชี้ชัดชิ้นส่วนนำเข้าเป็นรถใกล้จะประกอบสำเร็จแล้ว ไม่เข้าข่ายข้อตกลง JTEPA
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในวันที่ 15 ก.ย.65 เวลา 11.00 น. ศาลฎีกาภาษีอากรกลาง ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กำหนดนัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีข้อพิพาทการจัดเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์โตโยต้า รุ่น พรีอุส (Prius) ระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กับกรมศุลกากร ซึ่งการอ่านคำพิพากษานั้น องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 3 รายได้อ่านคำพิพากษาจากศาลฎีกา ณ สนามหลวง
โดยผลของคำพิพากษานั้นระบุว่าให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฝ่ายแพ้คดี ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถยกเว้นการจัดเก็บภาษีรวม 11,639,786,094.84 บาท แยกเป็น อากรขาเข้า 7,580,608,221.39 บาท ภาษีสรรพสามิต 2,029,576,752.79 บาท ภาษีเพื่อมหาดไทย 202,957,592.56 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,826,643,528.10 บาทได้ เนื่องจากว่าชิ้นส่วนที่บริษัทได้นำเข้ามายังประเทศไทยนั้นเป็นชิ้นส่วนที่ใกล้จะประกอบสำเร็จ สมบูรณ์เป็นรถพร้อมจะใช้งานได้แล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับความร่วมมือในทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่นหรือ JTEPA ที่จะขยายการค้าระหว่างกันโดยการปรับลดภาษีให้ต่ำลง และเป็นศูนย์ เพื่อเกิดการค้าอย่างเสรี รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้าและความร่วมมือสาขาต่าง ๆ ระยะเวลา มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากการอ่านคำพิพากษา ทางศาลฎีกาได้มีการเผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคดีระบุว่า
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อ่านคําพิพากษา ศาลฎีกา โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังศาลภาษีอากรกลาง คดีระหว่าง บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด โจทก์ กรมศุลกากร จําเลยที่ 1 และกรมสรรพากร จําเลยที่ 2 รวม 10 คดี คิดเป็นทุนทรัพย์รวม 10,000,000,000 บาทเศษ
คดีทั้งสิบเรื่องโจทก์ ฟ้องว่า ระหว่างปี 2553 ถึง 2555 โจทก์นําเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อนํามาผลิตรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส โดยอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 และมาตรา 14 แห่งพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และตามความตกลง ระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสําหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) โจทก์จึงขอให้ เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จําเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ชิ้นส่วนรถยนต์ที่โจทก์นําเข้าเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว มีลักษณะอันเป็นสาระสําคัญของรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส และสามารถนําไปประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส ได้ทันที จึงต้องจําแนกเข้าประเภทพิกัดของชิ้นส่วนที่สมบูรณ์หรือสําเร็จแล้วที่นําเข้ามา
โดยถอดแยกออกจากกันหรือยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกันในฐานะที่เป็นชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ ประเภท พิกัด 8703.23.41 หรือ 8703.23.51 (ตามช่วงเวลาที่นําเข้า) ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตรา ศุลกากร ข้อ 1 ข้อ 2 (ก) และ ข้อ 6 ในภาค 1 ท้ายพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 จึงไม่ได้รับยกเว้นอากรและลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมาเพื่อให้เป็นไปตาม ความตกลง JTEPA และไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากร และยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2553 ทั้งไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรในอัตราอากรขาเข้าร้อยละ 30 ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 การประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้คิดอัตรา อากรขาเข้าร้อยละ 80 ชอบแล้ว ส่วนประเด็นอื่นศาลไม่รับวินิจฉัย พิพากษายืน (ดูเอกสารประกอบ)
อนึ่งความเป็นมาของคดีก่อนหน้านี้ ภายหลังจากที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ยื่นเรื่องฟ้องสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ต่อศาลภาษีอากรกลาง ในช่วงเดือนมิ.ย.2560 ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาตัดสินให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฝ่ายชนะคดี แต่หลังจากนั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ได้พิพากษากลับให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฝ่ายแพ้คดี
โดยในการพิจารณาคดีนี้มีการนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ก่อนที่จะมีคำพิพากษากลับให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พิพากษากลับคดีนี้แล้ว ฝ่ายโตโยต้าได้ยื่นฎีกา แต่ตามขั้นตอนของกฎหมาย ต้องให้ศาลฎีกา(แผนกคดีภาษีอากร)อนุญาตให้ฎีกาก่อนซึ่งในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรอนุญาตให้ฎีกาเพราะเข้าหลักเกณฑ์หลายประการตามกฎหมาย เช่น คำพิพากษาของ 2 ศาล ขัดกัน