‘สุวัจน์’ จับมือ ‘กรณ์’ ร่วมสู้ศึกเลือกตั้ง ปัดควบรวม ‘กล้า’ แต่เชิญร่วมทีมเศรษฐกิจ ‘ชาติพัฒนา’ เตรียมถก กก.บห.ปรับโครงสร้างพรรคสัปดาห์หน้า หวังกลับมาเป็นพรรคใหญ่ มีบทบาทสำคัญทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2565 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า แถลงข่าวร่วมมือทางการเมือง
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองทุกพรรคก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องการเลือกตั้งที่คาดว่ากำลังจะมาถึง แม้ยังไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นทุกพรรคก็ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องเลือกตั้งทั้งนโยบายและผู้สมัครบุคลากรต่างๆ
“ในการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญต่อการแก้ไขปัญหาประเทศ ผมอยู่กับการเมืองเกือบ 35 ปี มองประเทศชาติว่าวันนี้วิกฤติที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ทำงานการเมืองมา โดยเฉพาะปัญหาที่รุมเร้าในเรื่องเศรษฐกิจ” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า เมื่อมองย้อนไปยุคที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจยุคทอง ไทยถูกมองเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย แต่มองย้อนอดีตเห็นความรุ่งเรือง มองปัจจุบันเห็นวิกฤติต่างๆ รู้สึกเป็นภาระหน้าที่ที่พรรคชาติพัฒนาจะต้องมีส่วนสำคัญในการกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจประเทศครั้งนี้
“เป็นเรื่องที่พรรคชาติพัฒนาต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ต้องมีมืออาชีพมาทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการแก้ปัญหา มาจับมือ มารวมพลังกัน กอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจชาติ เราต้องการมืออาชีพ ที่เข้าใจบริบทการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก และเข้าใจบริบทปัญหาของประเทศ สำคัญที่สุดเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจรากหญ้า พรรคชาติพัฒนาปรึกษากันว่าใครเหมาะสมในการกอบกู้วิกฤติ เราก็คิดถึงนายกรณ์ เพราะมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจโดยตรง” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า นายกรณ์ เคยเป็น รมว.คลัง อยู่ในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ได้รับการยอมรับระดับสากลที่เป็น รมว.คลังของโลก ของเอเชีย สะท้อนเห็นการยอมรับระดับสากล พิสูจน์ผลงานให้เห็นชัดเจน ขณะเดียวกันมืออาชีพด้านเศรษฐกิจต้องเข้าใจปัญหาระดับรากหญ้า นายกรณ์ก็มีประสบการณ์เป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังเป็นนักเรียนนอก เรามีความเชื่อมั่นว่า นายกรณ์จะเป็นผู้มาแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ โดยร่วมกันทำงานกับพรรคชาติพัฒนา
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีของการมีส่วนผสมที่ลงตัวทางการเมือง มีทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง ผสมผสานความเป็นมมืออาชีพด้านเศรษฐกิจการเมืองเอาไว้ด้วยกัน ฉะนั้นจึงมั่นใจว่า การร่วมกันทำงาน จะทำให้เกิดความแข็งแกร่ง นำไปสู่ความสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน
“ผมได้พูดชัดเจนว่า พรรคชาติพัฒนาต้องการมือเศรษฐกิจ ต้องการผู้ที่จะมาร่วมทำงานกับทางเรา จึงได้เชิญนายกรณ์มาร่วมทำงานกับทางเรา ส่วนขั้นตอนอะไรที่เกี่ยวข้องกับนายกรณ์ ก็เป็นแนวทางที่จะต้องไปดำเนินการ” นายสุวัจน์
‘กรณ์’เชื่อจับมือแล้วมีโอกาสช่วยประชาชนมากขึ้น
นายกรณ์ กล่าวว่า ในสถานการณ์บ้านเมือง ณ ปัจจุบัน ในสภาวะที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำคัญมากที่ทุกองค์กรต้องมีความชัดเจนทั้งในแง่หลักการและเป้าหมายในการทำงาน แต่ต้องมีความยืดหยุ่นในเส้นทางที่ไปสู่เป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายของตนในฐานะนักการเมืองไม่เคยเปลี่ยน ต้องการช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ช่วยแก้ปัญหาปากท้อง สร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนทุกคน
“การตัดสินใจในส่วนของผม ที่จะจับมือกับนายสุวัจน์ เป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก เพราะมีคำถามเดียวที่ถามกับตัวเอง คือ เราจับมือกันแล้ว จะทำให้เราทั้งสองคนมีโอกาสช่วยประชาชนตามเป้าหมายมากขึ้นหรือไม่ คำตอบก็ชัดเจนว่า จับมือกันแล้วโอกาสขับเคลื่อนแนวความคิดนโยบายของเรา มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก” นายกรณ์ กล่าว
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า เมื่อตัดสินใจแล้ว เรื่องอื่นก็เป็นรายละเอียดที่ต้องดำเนินการต่อไป สุดท้ายคิดว่า ปรัชญาทางการเมืองที่มีก็ใกล้เคียงกันมา ไม่ว่าจะเรียกว่าเสรีนิยม สังคมนิยม หรืออนุรักษ์นิยม แต่ตนมองว่าสำคัญที่สุดคือหลักปฏิบัตินิยม คือการลงมือทำ ไม่ว่าข้อเสนอต่างๆ ที่เราได้นำเสนอต่อสังคมที่ผ่านมา ในเรื่องของปัญหาค่าน้ำมัน แก้ปัญหาภาระหนี้สินประชาชน อยู่ในหลักปฏิบัตินิยม ที่เชื่อว่าเป็นการเสนอความคิดที่นำไปสู่การปฏิบัติได้ทั้งสิ้น
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ในมุมมองของตน นายสุวัจน์ยึดหลักปฏิบัตินิยมมาโดยตลอดไม่ว่าจะในฐานะนักการเมือง นักธุรกิจ เพราะลงมือทำและผลงานเป็นที่ประจักษ์มาโดยตลอด จากนี้ไปจะเป็นการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีเป้าหมายของเราสองคนที่ช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ความมั่นคงทางสังคมในอนาคตต่อไป
มาในนามส่วนตัว แต่พรรคพวก ‘กล้า’ เห็นด้วย
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนและเงื่อนทางกฎหมายค่อนข้างมีชัดเจนในการกำกับทางการเมือง เอาว่าตนกับนายสุวัจน์จับมือกันวันนี้ เรารวมพลังทำงานด้วยกัน ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองคงต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งตนก็ต้องระมัดระวังในการลงรายละเอียดในการให้คำตอบ เพราะมีประเด็นทางกฎหมาย แต่สาระสำคัญก็คือ ตนมาจับมือกับนายสุวัจน์ เราร่วมมือกันจะบรรลุผลในการตอบโจทย์ความต้องการประชาชนมากกว่าต่างคนต่างทำ
นายกรณ์ กล่าวต่ออีกว่า เราจะร่วมมือกันในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนขั้นตอนว่าสุดท้ายรูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร มันมีขั้นตอนตามกฎหมายที่เราจะเดินตามหน้าที่สำคัญ ตนกับนายสุวัจน์ร่วมมือกัน 100%
“วันนี้ผมมาในฐานะ นายกรณ์ที่มาปรึกษาหารือกับนายสุวัจน์ ก็เน้นประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนพรรคกล้าเป็นเรื่องของพรรคกล้า ที่เขามีกระบวนการที่เขาต้องพิจารณาว่ายังเดินต่อ ซึ่งขั้นตอนตามกฎหมายมันจะเป็นตัวกำกับว่าเราจะต้องทำอ่างไร ผมเองกับพรรคพวกที่พรรคกล้า ก็พูดคุยกันมาโดยตลอดเรื่องเจตนา ความตั้งใจ ซึ่งผมก็เห็นตรงกันกับทุกคนว่า เราควรที่จะเดินในยุทธศาสตร์ไหน ในส่วนของผม ผมตัดสินใจตรงนี้ ทุกคนที่ผมคุยมาก็เห็นตรงกัน” นายกรณ์ กล่าว
เมื่อถามว่ายื่นใบลาออกแล้วหรือยัง นายกรณ์ ตอบว่า ในส่วนของตน เราต้องเตรียมเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันตามกฎหมายในอนาคต เป็นขั้นตอนอยู่ในช่วงของการดำเนินการ
เมื่อถามย้ำว่ายังเป็นสมาชิกพรรคกล้าหรือไม่ นายกรณ์ ตอบว่า ประเด็นสำคัญคือ เราร่วมมือกัน เราจะร่วมมือกันในอนาคตต่อไป ตนมาในวันนี้ มาในฐานะนายกรณ์ เพราะฉะนั้นจะพูดในส่วนของตนว่า ในอนาคตจะร่วมมือทำงานทางการเมืองกับนายสุวัจน์ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับพรรค ขอให้เป็นเรื่องที่เราดำเนินการในส่วนของพรรคแล้วค่อยมาว่ากัน
ย้ำไม่ใช่ควบรวม ‘กล้า-ชาติพัฒนา’
เมื่อถามว่าเป็นการควบรวมพรรคหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่า ไม่ใช่เป็นการรวมพรรค พรรคชาติพัฒนา เชิญนายกรณ์มาร่วมงาน ดังนั้นขั้นตอนอะไรต่อไปที่เป็นเรื่องของนายกรณ์ ก็ต้องไปดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้อง
“ไม่ใช่เป็นการควบรวมพรรค พรรคชาติพัฒนายังอยู่ และเห็นความรู้ความสามารถของนายกรณ์ ในการเข้ามากอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจให้ชาติ จึงเชิญนายกรณ์มาจับมือรวมพลังกันมาทำงานกับเรา” นายสุวัจน์ กล่าว
คาด ‘กรณ์’ นั่ง ปธ.ยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า การเชิญนายกรณ์มาครั้งนี้ พรรคชาติพัฒนาก็ต้องปรับปรุงตัวบุคคล อาทิ ขณะนี้มีผู้ใหญ่ในพรรคลาออกไป 7 คนไปลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น ที่เราต้องมีการประชุมใหญ่เพื่อแต่งตั้ง และการแก้ไขข้อบังคับพรรคชาติพัฒนาได้กำหนดโครงสร้างพรรคใหม่ มีตนเป็นประธานพรรคชาติพัฒนาดูแลภาพรวม และหัวหน้าพรรคเป็นประธานบริหาร ซึ่งยังไม่ได้แต่งตั้งประธานยุทธศาสตร์ 4 ท่าน ครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง มั่นคง และเทคโนโลยี ก็คงจะใช้โอกาสนี้นัดประชุมกรรมการบริหาร เพื่อปรับโครงสร้างและจัดสรรความเหมาะสมบุคลากรต่างๆ เพื่อให้สมาชิกพรรคให้ความเห็นชอบต่อไป
“ท่านจะอยู่ในตำแหน่งอะไร ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่ แต่ด้วยความรู้ความสามารถ และภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ เชื่อว่า สมาชิกพรรคเห็นบทบาทสำคัญหน้าที่นี้ ส่วนท่านจะดำรงตำแหน่งอะไรในพรรค ก็ต้องเป็นตำแหน่งในบทบาทหน้าที่ที่ทำให้เกิดความมั่นใจที่ได้เรียนเชิญมากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวต่ออีกว่า ในสัปดาห์หน้าพรรคชาติพัฒนาจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อดำเนินในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะนำไปสู่การประชุมใหญ่
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะเชิญพรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคไทยสร้างไทย มารวมพลังด้วยหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่า วันนี้การเมืองต้องหันหน้าเข้าหากัน เราไม่ได้บอกว่า เราไม่ร่วมกับใคร ไม่เชิญใคร ฉะนั้นวันนี้ขอเริ่มต้นที่นายกรณ์ก่อน ส่วนท่านอื่น ยังไปตอบแทนไม่ได้
นายกรณ์ ตอบด้วยว่า ประโยชน์ของประชาชน ประโยชน์ของบ้านเมือง ถ้าเราคิดว่า ร่วมมือกับใคร จับมือกับใครแล้วประชาชนได้ มองว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องพิจารณา ฉะนั้นด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ก็เป็นคำตอบในคำถามลักษณะนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่มีหลักการและเป้าหมายตรงกัน เราคิดว่าร่วมมือกันแล้วเป็นประโยชน์กับประชาชน เป็นเรื่องที่เราก็พร้อมเสมอ
หวัง ‘ชาติพัฒนา’ กลับเป็นพรรคใหญ่
นายสุวัจน์ กล่าวถึงการตั้งเป้าหมายทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยว่า เมื่อปี 2535 หรือ 30 ปีที่แล้ว พล.อ.ชาติชาย ตั้งพรรคชาติพัฒนา 60 วันได้ 60 คน เวลานึกถึงอดีตก็เห็นถึงความเป็นพรรคการเมืองใหญ่ในยุคนั้น และมาบทบาททางการเมืองมากในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมือง
“ผมยังไม่สามารถตอบได้ว่าคาดหวังเท่าไร แต่อยากจะเห็นบทบาทพรรคชาติพัฒนากลับมาเหมือนเดิม เป็นพรรคใหญ่ เป็นทางเลือก เป็นทางออกให้ประเทศ มีบทบาทในการลดความขัดแย้ง สร้างความเป็นปึกแผ่น ให้การเมืองประเทศรวมพลังไปกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจได้” นายสุวัจน์ กล่าว