คืบหน้า! คดีอดีตคนสนิทรอง ปธ.สภาฯ เบี้ยวคืน 25 ล.แลกเคลียร์ปมสารถนนยาง ล่าสุด กองปราบฯ ส่งสำนวน 'สั่งไม่ฟ้อง' ข้อหาฉ้อโกงให้อัยการแล้ว หลังสอบข้อมูลทั้งสองฝ่าย พบความก้ำกึ่งข้อเท็จจริง ผู้ต้องหาไปดำเนินการจริงตามที่ผู้เสียหายต้องการแต่ทำไม่สำเร็จ ไม่มีสัญญาว่าจ้าง ยันทำคดีตรงไปตรงมาแม้เกี่ยวพันกับนักการเมือง - ด้านผู้รับเหมา รู้ข่าวทำหนังสือยื่นอัยการขอความเป็นธรรมแล้ว มีหลักฐานแชทไลน์ด้วย
กรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการร้องเรียนจากผู้รับเหมาในแวดวงธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยางพาราเพื่อใช้ในงานก่อสร้างถนน ว่า ถูกคนสนิทรองประธานสภาผู้แทนราษฏรรายหนึ่ง ใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงินจำนวน 25 ล้านบาท เพื่อแลกเปลี่ยนในการประสานงานผลักดันเรื่องให้มีการยกเลิกออกใบรับรองมาตรฐานวัสดุน้ำยางพาราผสมสารเพิ่มของเอกชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีลักษณะผูกขาด เอกชนรายใดต้องการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างถนนยางของรัฐบาลจะต้องซื้อน้ำยางพาราผสมสารฯ กับเอกชนกลุ่มนี้เท่านั้น ซึ่งมีลักษณะเป็นไปโดยมิชอบไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์คู่มือปฏิบัติงาน ส่งผลให้บริษัทของตนไม่สามารถเข้าร่วมขายน้ำยางพาราผสมสารฯ แต่หลังจากนั้นไม่ความคืบหน้า และเมื่อทวงถามขอเงินคืนไม่ยอมคืนให้อ้างว่านำเงินส่งให้กับนักการเมืองใหญ่ในภาคอีสานไปหมดแล้วกองปราบฯส่งสำนวน “สั่งไม่ฟ้อง” คนสนิทรอง ปธ.สภาฯ ให้อัยการแล้ว
ล่าสุด พ.ต.ท.ชลิต ทิพย์ธำรง รองผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศราว่า คดีนี้ ในเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายกับผู้ต้องหาได้มีการตกลงคืนทรัพย์สินกันแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทางผู้เสียหายจึงเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เมื่อปลายปี 2562 หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมหลักฐาน จนกระทั่งได้ออกหมายเรียกตัวผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธพร้อมกับนำหลักฐานต่าง ๆ เข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวน
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานของทั้งสองฝ่ายและตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง พบว่า คดีนี้มีความก้ำกึ่งในเรื่องของข้อเท็จจริงทางคดี โดยตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีการไปดำเนินการจริงตามที่ผู้เสียหายต้องการให้ดำเนินการ แต่กระทำไม่สำเร็จ และไม่ได้มีสัญญาการว่าจ้าง พนักงานสอบสวนชั่งน้ำหนักหลักฐานของทั้งสองฝั่งแล้ว จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ไปยังอัยการศาลแขวง 1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
"ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการ ยืนยันว่าคดีนี้ทำอย่างตรงไปตรงมาแม้ว่าจะเกี่ยวพันกับนักการเมือง แต่ก็ไม่มีผลกับการทำงานของกองปราบฯแต่อย่างใด" พ.ต.ท.ชลิต ระบุ
ด้านผู้รับเหมาที่เข้าร้องเรียนกับสำนักข่าวอิศรา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้ทำหนังสือยืนขอความเป็นธรรม ต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 (พระนครเหนือ) กรณีพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง คนสนิทรองประธานสภาผู้แทนราษฏรรายนี้ไปแล้ว โดยยืนยันว่าตนเองเป็นผู้เสียหายในคดีฉ้อเกงเงินจำนวน 25 ล้านบาท พร้อมแนบเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อขอให้อัยการโปรดพิจารณาสั่งฟ้องด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า หลักฐานสำคัญส่วนหนึ่งที่ ผู้รับเหมารายนี้ จะนำมาใช้ในการต่อสู้คดี คือ ภาพถ่ายไลน์ข้อความสนทนาของคนสนิทรองประธานสภาผู้แทนราษฏร ที่เจรจาโต้ตอบขอผ่อนผันเวลาการนำเงิน 25 ล้านบาท พร้อมขอทยอยจ่ายคืนให้บางส่วนด้วย