จิรายุ-ศรัณย์วุฒิ อัด ‘ประยุทธ์’ ปมพลังงานแพง ชี้เป้าเอื้อกลุ่มทุนใหญ่-โรงกลั่น ไม่เคยเจรจาลดค่าการกลั่น-ค่าตลาดลงให้ประชาชน อัดเลยไปที่บริษัททำโรงกลั่นอิ่มหมีพีมันได้ทั้งค่าการกลั่น-เงินชดเชยกองทุนน้ำมัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 กรณีสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 11 คน ตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านเสนอ ภายใต้ยุทธการณ์ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.2565 ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย
กระทุ้งก.ทรัพย์ฯปมจัดซื้อขวดน้ำ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในกรณีการทุจริตโดยใช้ชื่อว่า การสวามปามดินน้ำลมไฟ ความว่า ความเดิมจากที่เคยอภิปรายเรื่อง การนำเงินจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาลมาทำน้ำดื่มบรรจุขวดแจกจ่าย ทำให้เกิดการยกเลิกโครงการนี้ไป 2 ครั้ง โดยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับปากกับตนว่า จะยกเลิกโครงการนี้แต่มีการแอบทำใหม่ในภายหลังอีกรอบ โดยปรับเปลี่ยนจากให้ส่วนกลางเป็นคนซื้อ เป็นให้ 12 เขตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจัดซื้อจัดจ้างแทน จำนวน 4 ล้าน 8 แสนขวด
เมื่อดูรายละเอียดทั้ง 12 เขตพบว่า ราคาขายขวดน้ำขนาด 20 ลิตรอยู่ที่ 70 บาทต่อแกลลอน แต่กระทรวงทรัพย์ฯ ซื้อในราคา 180 บาท โดยเอกชนที่เสนอราคากลางมี 4 บริษัท แต่พบว่าได้คัดเลือกเพียง 1 บริษัทคือบริษัท ไทยสมัยรวมแพคส์ จำกัด ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น แต่ต้องขนส่งขวดน้ำดังกล่าวไปให้ทั่ว 12 เขตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลซึ่งตั้งอยู่ทั่วประเทศ บริษัทแห่งนี้เพิ่งเปลี่ยนจากการเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทจำกัดไม่นานมานี้ และมีการเริ่มขนส่งขวดน้ำดังกล่าวไปตาม 12 เขตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแล้ว ทั้งที่โครงการนี้ยังอยู่ในระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง
แฉเตรียมเที่ยวนิวซีแลนด์ - จัดซื้อล่วงหน้า
“ผมได้ยินมาอีกว่าช่วงนี้ช่วงใกล้เลือกตั้งกำลังสะสมเสบียงมีข่าวว่าบริษัททัวร์เข้าไปพรีเซนต์จะนำคณะกรรมการกองทุนศักดิ์พัฒนาทรัพยากรน้ำบาดาลไปเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์ และได้ข่าวมาอีกว่ากำลังหาผู้ก่อสร้างอาคารกองทุนดังกล่าวด้วย” นายจิรายุกล่าว
นอกจากเรื่องเล็กอย่างการจัดซื้อขวดน้ำแล้ว เรื่องใหญ่ก็มีเช่นกัน นั่นคือ โครงการจัดซื้อจัดจ้างของปีงบประมาณ 2566 แต่พบว่า หลายๆกระทรวงเริ่มมีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่ในเดือนกรกฎาคม 2565 นี้ เช่น กระทรวงทรัพย์ฯ วงเงิน 1,800 ล้านบาทที่ใช้ซื้อเครื่องขุดเจาะ เริ่มจัดซื้อจัดจ้างแล้ว แน่นอนว่าการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อนนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่จะเกิดขึ้นกับโครงการที่ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้า เช่น การจ้างแม่บ้านทําความสะอาด ซึ่งต้องจ้างไว้ก่อน เพราะหากจัดซื้อจัดจ้างในช่วงปีงบประมาณใหม่ทันทีก็จะเตรียมการไม่ทัน หรือกรณีการจัดซื้อวัคซีนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่โครงการใหญ่เช่นนี้ไม่มีใครทำเพราะจะผิด พ.ร.บ.งบประมาณ ได้ และที่ผ่านมาไม่เคยมีการจัดซื้อจัดจ้างก่อนงบประมาณประจำปีมีผลบังคับใช้
โอดทุนพลังงานสูบเนื้อ ทำน้ำมัน-ไฟฟ้า ราคาแพง
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ถัดมา ทุกวันนี้ประชาชนต้องใช้น้ำมันและไฟฟ้าแพงรัฐบาลบริหารห่วยแตกเพราะมีผู้บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 65 นายกรัฐมนตรีออกมาตรการลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชน 8 ข้อ โดยมีมาตรการเกี่ยวกับราคาน้ำมันคือ จะอุดหนุนน้ำมันดีเซล โดยคงค่าการตลาดหน้าปั๊มไว้ที่ 1.40 บาท , จะหารือกับโรงกลั่น เพื่อขอให้ลดค่าการกลั่น, อุดหนุนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 250 บาท/เดือน และขอความร่วมมือประชาชนประหยัดพลังงาน
ซึ่งหลังพูดในช่วงนี้ นายจิรายุได้แจกพัดและชูเตาเศรษฐีขึ้นมากลางสภา แล้วกล่าวต่อว่า การเจรจาค่าการกลั่นที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกไว้นั้น ไม่เคยมีการเจรจาจริง ราคาน้ำมันยังแพงขึ้น ในเดือน มี.ค. 2563 ค่าการกลั่นอยู่ที่ 70 สตางค์ แต่ในปี 2565 ขึ้นไปอยู่ 6.17 บาทแล้ว ไหนบอกกำไรแค่บาทสองบาท กลับกันในช่วงต้นปี 2565 บรรดาโรงกลั่นน้ำมัน มีกำไรสูงกว่าทั้งปี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อ้างว่าค่าการกลั่นลดลงแล้ว แต่เท่าที่ดูในเดือนนี้ก็ยังอยู่ที่ราคา 4.5 บาท
ส่วนการบอกว่าจะคงค่าการตลาดไว้ที่ 1.40 บาท ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 E20 มีการใส่ค่าการตลาดไปถึง 4.75 บาท และไม่ได้มีการเจรจากับบรรดาโรงกลั่น เอาแต่โทษสงครามรัสเซีย-ยูเครน และกลั่นในประเทศ ทำไมไไปอ้างอิงราคารของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจากการหาข้อมูลก็เพราะว่าการขายให้ต่างประเทศ ได้กำไรมากกว่า บริษัทพลังงานเพิ่มกำลังการผลิต 120,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ แก๊ส LPG ซึ่งสัดส่วนการขายนั้น รัฐบาลขายให้ธุรกิจเคมีคอลได้กำไรมากกว่าขายให้ประชาชน ซึ่งทำให้ราคา LPG แพงขึ้น ทุกวันนี้ราคาอยู่ที่ 35.10 บาท/กก. อุดหนุน 12.235 บาท/กก. ขายจริง 22.87 บาท/กก. ส่วนแก๊ส LPG ที่เอามาบรรจุถัง มีราคา 410 บาท/ถัง
และค่าไฟฟ้าก็จะแพงขึ้นด้วย เพราะมีคนบริหารไม่เป็น วันนี้ถ้ารัฐบาลไม่โง่ที่มีคำพิพากษากับบริษัทน้ำมันเอกชนต่างชาติ ข้อพิพาทปมรื้อแท่นขุดเจาะก๊าซอ่าวไทย สุดท้ายก็เสียค่าโง่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติเป็นค่าจ้างทนายกว่า 500 ล้านบาท จึงทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาแพง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องซื้อแหล่งพลังงานจากต่างชาติ
เฉ่งทุนพลังงาน กลั่นทิพย์ขูดรีดปชช.
ขณะเดียวกัน ในเวลา 16.30 น. นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการควบคุมราคาน้ำมันโดยได้เวลาจากพรรคเสรีรวมไทย 30 นาทีว่า ท่านนายกฯปล่อยให้ราคาน้ำมันลอยตัว, ปล่อยให้โรงกลั่นโกงเงินประชาชน ด้วยการ ‘กลั่นทิพย์’ และปล่อยให้บริษัทพลังงานใหญ่ผูกขาดการใช้ก๊าซ
ในประเด็นการลอยตัวค่าก๊าซ นายกฯอนุมัติในวันที่ 10 ธ.ค. 2557 ทำให้ราคาก๊าซสูงขึ้น โดยก๊าซหุงต้มไทยและประเทศมาเลเซียที่ใช้แหล่งเดียวกันมาเลเซียมีราคา 15.68 บาท/กก. แต่ไทยมีราคา 25.2 บาท/กก. ทั้งๆที่ของไทยมีกองทุนน้ำมันอุดหนุน ส่วนค่าการกลั่นทิพย์ที่เกิดจากการบวกค่าต่างๆลงไป โรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 แห่งประเทศไทยมีกำลังการผลิตเกิน 30% แต่พบว่ามีการเอาน้ำมันในประเทศไปกลั่นและแยกก๊าซในโรงกลั่นน้ำมันต่างประเทศ แล้วยังมีการบวกค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงมีค่าพรีเมี่ยมด้วย และจากนโยบายปล่อยลอยตัวค่าก๊าซทำให้กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2557 กำไรอยู่ที่ 39,000 ล้นบาทในปี 2561 กำไรขึ้นเป็น 90,000 ล้านบาท
ส่วนกองทุนน้ำมัน ที่เป็นหนี้แสนล้านบาทนั้น เพราะรัฐปล่อยให้มีการกลั่นทิพย์ บวกค่าใช้จ่ายต่างๆลงไป จนทำให้น้ำมันและก๊าซแพงเกินจริง จนประชาชนเดือดร้อน และรัฐเก็บเงินบางส่วนเข้ากองทุนน้ำมัน โดยโรงกลั่นเสวยสุขจากค่ากลั่นทิพย์ และได้เงินชดเชยจากกองทุนน้ำมัน ด้วยจนเป็นหนี้จากค่ากลั่นทิพย์ และต้องหากู้เงินมาจ่าย