CDC เผยผลวิจัยฉีดวัคซีนmRNA บูสเตอร์โดสสองหรือวัคซีนโดสสี่กันโอไมครอนได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในช่วงหกเดือนแรก วอน ปชช.รีบฉีดวัคซีนก่อนเข้าปลาย ก.ย.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกาหรือ CDC ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19แบบ mRNA บูสเตอร์เป็นโดสที่สองหรือว่าวัคซีนในโดสที่สี่นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1และ BA.2/BA.2.12.1 ได้
โดยโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวที่ว่ามานี้เป็นที่รับทราบกันดีว่ามีศักยภาพในการหลบภูมิได้ดีทั้งจากการฉีดวัคซีนและจากการติดเชื้อก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ในรายงานข่าวระบุว่าการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสแรกจะทำให้ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันไวรัสโควิดโอไมครอนขึ้นไปอยู่ที่ 68 เปอร์เซ็นต์(น้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า) อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันที่ว่ามานี้จะลดลงไปอยู่ที่ 52 เปอร์เซ็นต์เมื่อเวลาผ่านไปได้หกเดือน
แต่ถ้าหากเป็นการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในโดสที่สองจะพบว่าประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันต่อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1และ BA.2/BA.2.12.1 จะไต่ระดับขึ้นไปอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์อย่างน้อยในช่วงหกเดือนแรก ซึ่งรายงานดังกล่าวเป็นรายงานที่ถูกตีพิมพ์บนรายงานการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตรายสัปดาห์ของ CDC
อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้มีการบันทึกผลประสิทธิภาพของวัคซีนหลังจากที่ฉีดบูสเตอร์ไปแล้วหกเดือน
“ผลวิจัยของการศึกษานี้ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะมันได้ตอบคำถามสำหรับหลายคนที่กำลังลังเลว่าควรจะฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสที่สองดีหรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏออกมานั้นก็ชัดเจนแล้ว ว่าบูสเตอร์โดสสองนั้นเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ในช่วงเวลาที่โควิดสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้ยังคงมีอยู่” นพ.ฌอน แกรนนิส รองอธิการบดีฝ่ายข้อมูลและการวิเคราะห์ที่สถาบัน Regenstrief และศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ครอบครัวที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยอินเดียนากล่าวและย้ำด้วยว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงหรือปลายเดือน ก.ย. เราต้องส่งเสริมในการให้มีการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในรูปแบบเชิงรุกเพราะจะลดจำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลอันเนื่องมาจากโควิด-19 ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
เรียบเรียงจาก:https://www.socialnews.xyz/2022/07/17/2nd-mrna-booster-more-effective-against-new-omicron-variants-us-cdc/