ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯเตือนโควิดโอไมครอน BA.2.75 อาจระบาดดีกว่า BA.5 คาดวัคซีนยังใช้ป้องกันป่วยรุนแรงได้ผล รับสถานการณ์โควิดในซานฟรานซิสโกค่อนข้างแย่เหตุผู้ป่วยช่วยอายุ 40 ปีต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสในต่างประเทศว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเตือนว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ที่ชื่อว่า BA2.75 ซึ่งงกำลังระบาดในประเทศอินเดียนั้นถูกตรวจพบในตัวอย่างน้ำทิ้งในย่านเบย์ แอเรีย เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวนั้นอาจจะระบาดในซานฟรานซิสโกตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
ขณะที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ก็ได้ออกมากล่าวว่า BA.2.75 นั้นเป็นสายพันธุ์ที่มีน่ากังวลและเตือนต่อไปด้วยว่าโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆนั้นกำลังมีลักษณะของการแพร่เชื้อที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้มีรายงานว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์หลักที่มีการระบาดในย่านเบย์แอเรียนั้นคือโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 แต่ก็ปรากฎข้อบ่งชี้ว่าสายพันธุ์ BA.2.75 นั้นอาจจะมีศักยภาพในการแพร่ระบาดสูงกว่า BA.5
ขณะที่ นพ.ปีเตอร์ ชิน-ฮอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสได้กล่าวว่าตัวเขานั้นหวังว่าวัคซีนจะยังคงสามารถปกป้องไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยที่รุนแรงได้
“เรื่องที่พอจะยังเป็นข่าวดีได้ก็คือว่าประสิทธิภาพวัคซีนนั้นอาจจะมีลักษณะเหมือนกัน ก็คือว่าถ้าหากคุณฉีดวัคซีนและมีการบูสเตอร์แล้ว เซลล์บีและเซลล์ทีของคุณก็จะยังสามารถทำหน้าที่ขจัดภัยคุกคามออกไปได้ ต่ายามหน้าบ้านของคุณจะไม่เห็นภัยนี้ก็ตาม” นพ.ชิน-ฮองกล่าว
นพ.ชิน ฮองกล่าวต่อไปว่าอย่างไรก็ตาม อัตราของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลโดยเฉพาะของมหาวิทยาลัยนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างจะแย่ โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้นพบว่าผู้ที่ป่วยซึ่งอยู่ในช่วงอายุต่ำสุด ก็คือช่วงอายุ 40 ปีนั้นต้องเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลในจำนวนที่มากขึ้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าวไวรัสโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่นั้นยังไม่มาถึงเสียด้วยซ้ำ
“อัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ผมได้พูดถึงนั้นอยู่ในจุดที่มีความเสถียรภาพแต่เป็นเสถียรภาพที่เราไม่อยากจะให้มันเป็น” นพ.ชิน ฮองกล่าว
เรียบเรียงจาก:https://www.cbsnews.com/sanfrancisco/news/covid-omicron-subvariant-ba-2-75-found-in-wastewater-samples-may-be-more-contagious/