WHO เรียกร้องทุกประเทศจับตาโควิดโอไมครอน BA.2.75 เหตุข้อมูลยังน้อยมาก-ไวรัสกลายพันธุ์ในส่วนเชื่อมต่อเซลล์มนุษย์ เบื้องต้นพบระบาดไปแล้วหลายรัฐในอินเดียแต่ยังไม่พบคลัสเตอร์ ขณะนักวิทย์ฯอินเดียเผยผู้ป่วยทั้งหมดอาการไม่รุนแรง แต่ยังต้องเก็บข้อมูลเพิ่ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรนาไวรัสในต่างประเทศว่า พ.ญ.โสมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทม์ออฟอินเดียเตือนว่าทุกประเทศควรจับตาโควิดโอไมครอนในสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 อย่างใกล้ชิดเนื่องจากว่าตอนนี้ยังมีตัวอย่างของโควิดสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวที่ไม่มากพอ
พ.ญ.สวามินาธานกล่าวต่อไปว่าอินเดียนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ได้มีการรายงานโควิดสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวนี้ซึ่งเกิดมาจากการกลายพันธุ์ในส่วนของตัวรับของโปรตีนหนาม
“ส่วนที่กลายพันธุ์นั้นเป็นส่วนสำคัญของไวรัสที่จะยึดติดกับตัวรับในเซลล์ของมนุษย์ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับตาดูพฤติกรรมของไวรัสนี้ แต่ว่านี่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้ว่าไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่ว่านี้นั้นมีศักยภาพในการรุกล้ำภูมิคุ้มกันหรือว่ามีอาการของโรคที่รุนแรงขึ้นมากน้อยแค่ไหน” พ.ญ.สวามินาธานกล่าว
สำหรับสถานการณ์ในอินเดีย ณ เวลานี้นั้นพบว่าในสิบรัฐรวมไปถึงรัฐมหาราษฏระและเดลีนั้นพบการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งพ.ญ.สวามินาธานกล่าวว่าข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นจะได้มีการรวบรวมต่อไปเพื่อจะกำหนดว่าขอบเขตภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนเพื่อจะปกป้องจากโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นมีมากน้อยแค่ไหน
“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ตัดสินใจได้ว่าความถี่ของปริมาณบูสเตอร์โดสนั้นควรจะมีเท่าไรกันแน่ และกลุ่มใดบ้างที่มีความจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนในโดสที่สี่”พ.ญ.สวามินาธานกล่าว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียหรือที่เรียกกันว่า INSACOG ได้มีการประชุมหารือกันเกี่ยวกับโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ดังกล่าวจนได้ข้อสรุปว่าผู้ติดเชื้อโควิดดังกล่าวนั้นโดยมากแล้วจะเป็นผู้ที่ไม่มีอาการหรือไม่ก็มีอาการของโควิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่ง ณ เวลานี้ยังไม่เห็นกลุ่มคลัสเตอร์ของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ BA.2.75 แต่อย่างใด
“มันยังเร็วเกินไปที่จะเรียกโควิดสายพันธุ์ย่อยนี้ว่ามีความรุนแรง และโควิดสายพันธุ์ย่อยที่ว่านี้นั้นยังไม่พบว่าทำให้เกิดคลัสเตอร์แต่อย่างใด แม้ว่ามันจะสามารถแพร่กระจายไปได้ในหลายรัฐก็ตาม” ผู้เชี่ยวชาญจาก INSACOG ระบุ
ทางด้านของ นพ.ราเจช คาร์ยาการ์เต หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา วิทยาลัยการแพทย์ B.J. Medical College กล่าวว่าจากตัวอย่างเบื้องต้นของคนไข้จำนวน 75 รายที่มีทั้งโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.2.74, BA.2.75 และ BA.2.76 นั้นพบว่าทั้งหมดมีอาการที่ไม่รุนแรงแต่อย่างไรก็ตามต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีก