อดีต 2 จเรตำรวจมาเลเซียเตือน รบ.เฝ้าระวังกัญชาลอบข้ามแดนจากไทย ชี้ รบ.มาเลเซียต้องกำหนดให้ชัดว่าต้องปลูกเพื่อการแพทย์ ในสถานที่ความมั่นคงสูงเท่านั้น หวั่นกระทบภาวะสุขภาพชุมชน ความมั่นคงชาติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์กัญชาของประเทศไทยที่ส่งผลกระทบต่อประเทศข้างเคียงว่าอดีตนายตำรวจนายหนึ่งของประเทศมาเลเซียได้ออกมาประกาศเตือนรัฐบาลว่ารัฐบาลนั้นต้องมีการควบคุมการปลูกกัญหาให้เหมาะสม ป้องกันไม่ให้มีการข้ามพรมแดนของกัญชาที่มาจากไทย และรัฐบาลต้องตัดสินใจให้ชัดเจนว่าการใช้กัญชานั้นจะเป็นเรื่องถูกกฎหมายก็ต่อเมื่อใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น
ทั้งนี้คำเตือนจากนายตำรวจคนดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยให้นำเอากัญชาออกจากบัญชีรายชื่อยาเสพติดต้องห้ามทำให้ประชาชนสามารถจะปลูกกัญชาที่บ้านและขายพืชเหล่านี้เพื่อใช้ในการบริโภคในอาหารและเครื่องดื่มได้
แต่อย่างไรก็ตามการสูบกัญชาก็ยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทย
โดยตำรวจที่ออกมาเตือนคนดังกล่าวนี้ได้แก่นายตัน ศรี อับดุล ฮามิด บาดอร์ (Tan Sri Abdul Hamid Bador) อดีตเจรตำรวจใหญ่ของมาเลเซียที่กล่าวว่ารัฐบาลมาเลเซียควรจะสร้างความเข้มแข็งด้านการดำเนินการจัดการและออกมาตรการของการปลูกกัญชาถ้าหากคุณค่าทางการแพทย์ของต้นกัญชานั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว
นายฮามิดกล่าวต่อไปว่าแต่ทั้งนี้รัฐบาลต้องคำนึงให้ดีถึงผลกระทบของการใช้และการปลูกกัญชาอย่างไร้การควบคุมที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบต่อเด็กที่จะได้รับยาตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
“ถ้าหากเราล้มเหลวในด้านการควบคุมการใช้งานและการปลูก มันจะส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อระดับภาวะสุขภาพและความมั่นคงของชาติ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีประเทศใด (ที่รับรองกัญชา) สามารถจะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ”นายฮามิดกล่าวและกล่าวต่อไปว่าเขากลัวว่าต้นกัญชานั้นจะถูกนำมาใช้แทนสมุนไพรดาวกระจายอย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะที่นายตัน ศรี มูซา ฮัสซัน อดีตจเรตำรวจใหญ่อีกนายได้กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่จะดำเนินการอนุมัติแบบไม่เจาะจงเพื่อให้เกิดการปลูกกัญชาขึ้นแม้จะเป็นการปลูกเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคก็ตาม
“การใช้มาตรการที่เข้มงวดนั้นควรจะต้องนำมาใช้ ถ้าหากเราอนุมัติให้มีการปลูกกัญชา เพราะถ้าหากไม่มีการควบคุมเข้มงวด มันก็จะนำไปสู่การละเมิดกฎหมายในด้านการใช้พืชกัญชา” นายมูซากล่าว
นายมูซากล่าวต่อไปว่าผู้ที่สนใจจะปลูกกัญชานั้นควรจะขออนุมัติจากทางรัฐบาลก่อน โดยควรจะมีการกำหนดสถานที่ปลูกกัญชาให้มีความปลอดภัยที่หนาแน่นเพียงพอเพื่อให้แน่ใจว่าต้นกัญชาจะได้ไม่ถูกขโมยไปเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายหรือใช้ประกอบกิจกรรมการค้ามนุษย์
นายมูซากล่าวว่าสิ่งที่น่ากังวลสำหรับมาเลเซียก็คือว่าถ้าหากประเทศไทยนั้นไม่ได้มีการควบคุมกิจกรรมการปลูกกัญชาในประเทศ ปัญหาที่ตามมาก็คือว่านี่จะเป็นโอกาสทำให้เกิดการลักลอบขนกัญที่ผิดกฎหมายข้ามพรมแดนมายังมาเลเซียได้
เรียบเรียงจาก:https://www.thestar.com.my/news/nation/2022/07/07/ex-igps-cautious-over-cannabis-legalisation