DSI บูรณาการ กรมส่งเสริมสหกรณ์-ปปง.แจ้งให้ผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ ร้องทุกข์เพื่อตามยึดสินทรัพย์ของชาวบ้านเกษตรกรชาวสวนปาล์ม จ.กระบี่คืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2565 จากกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางไปยังจังหวัดกระบี่เพื่อพบกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ที่ได้รับความเสียหายจากการบริหารของอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมาและนายสมศักดิ์ ได้ประกาศบนเวที่ต่อหน้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์หลายรายและผู้บริหารจังหวัดกระบี่ว่าจะตามทรัพย์คืนให้เกษตรกรให้เร็วที่สุดและหากไม่สามารถทำได้จะเลิกเล่นการเมืองนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2565 ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ได้สอบสวนปากคำการร้องทุกข์ผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ซึ่งได้รับมอบหมายจากชุมนุมสหกรณ์ฯ กรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมี พ.ต.ต.ยุทธนา ยุธนาแพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การบริหารคดีของนายไตรยฤทธิ์ ได้สอบสวนพบการกระทำความผิดเป็นที่ประจักษ์ชัดในการบริหารของอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 1/2565 ซึ่งเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยกระทำผิดหน้าที่ของตนประการใดๆโดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดอาญาอื่นที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนพบ
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า ผู้ที่กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 จะเข้ามูลฐานการฟอกเงิน ซึ่งได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ ประชุมร่วมกับนายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ อัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 2 สำนักงานอัยการสูงสุด และ นายสุนทรา พลไตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมายฟอกเงิน สำนักงานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ซึ่งที่ประชุมมีมติร่วมกันในการที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษส่งกรณีการบริหารของอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ไปยังคณะกรรมการธุระกรรม ป.ป.ง.เพื่อพิจารณดำเนินการ “มาตราการทางแพ่ง”(ยึดทรัพย์คืนผู้เสียหาย) เพราะคดีหมวดยักยอกทำเป็นปกติธุระ เข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน
หากคณะกรรมการ ป.ป.ง.มีมติ ดำเนินการตามที่ DSI เสนอไป DSI พนักงานอัยการ และ สำนักงาน ป.ป.ง.จะลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการตามยึดทรัพย์นำดำเนินการคุ้มครองประโยชน์ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ทันที และก่อนหน้านี้ในช่วงที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพร้อมกับอัยการสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนจนพบการกระทำความผิดตาม ประมวลกฏหมายอาญามาตรา 353 ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ มีหนังสือลับไปยังนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้แจ้งตัวแทนผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ให้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษภายในอายุความ
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับหนังสือประสานการปฎิบัติจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาให้แจ้งผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ร้องทุกข์ต่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทันที่และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษอย่างใกล้ชิดโดยจะใช้กรณีการคลีคลายคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษจากกรณีนี้เป็นต้นแบบในการนำไปถอดบทเรียนและสั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ที่กำกับเป็นพี่เลี้ยงให้สหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ทั่วประเทศได้ยึดหลักปฎิบัติบริหารสหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ในฐานะนิติบุคคล ไม่ให้มีการทุจริตและยักยอกทรัพย์อีกต่อไป
“ผมต้องขอขอบพระคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ลงมาสั่งการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ในครั้งนี้”นายวิศิษฐ์ กล่าว